CEO ของ เจพี มอร์แกนมอง Bitcoin ไม่มีมูลค่าที่แท้จริง

15-1-2025

     Jamie Dimon ซีอีโอของ JPMorgan Chase แย้งว่า Bitcoin ไม่ได้มีมูลค่าที่แท้จริง และมีการใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยเสริมว่าเขาไม่ได้ “รู้สึกดี” กับสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำ

    Dimon นักวิจารณ์คริปโตมายาวนาน เปรียบเทียบการลงทุนใน Bitcoin กับการสูบบุหรี่ โดยกล่าวว่าแม้ว่าบุคคลมีสิทธิที่จะทำเช่นนั้น แต่ก็ไม่แนะนำให้ทำ  “ผมขอชื่นชมความสามารถของคุณในการซื้อหรือขายมัน เช่นเดียวกับที่ผมคิดว่าคุณมีสิทธิ์สูบบุหรี่ แต่ฉันไม่คิดว่าคุณควรสูบบุหรี่” เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ CBS เมื่อวันอาทิตย์

“Bitcoin เองไม่มีมูลค่าที่แท้จริง มันถูกใช้อย่างมากโดยผู้ค้ามนุษย์ทางเพศ, นักฟอกเงิน, แรนซัมแวร์” เขากล่าว

      แม้จะมีจุดยืนที่สำคัญต่อ Bitcoin แต่ Dimon ก็ยอมรับถึงศักยภาพของเทคโนโลยี crypto และ blockchain เขาตั้งข้อสังเกตว่า JPMorgan กำลังใช้บล็อกเชนสำหรับแอปพลิเคชันต่างๆ อยู่แล้ว และยอมรับความถูกต้องตามกฎหมายของ Stablecoins ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับสินทรัพย์อื่น ๆ “บล็อคเชนมีจริง มันเป็นเทคโนโลยี เราใช้มัน มันช่วยในการเคลื่อนย้ายเงิน มันจะย้ายข้อมูล มันมีประสิทธิภาพ”

      Dimon เคยแสดงความกังขาต่อ Bitcoin มาก่อน ในอดีตเขาเรียกมันว่า "การฉ้อโกง" และ "โครงการ Ponzi แบบกระจายอำนาจ" อย่างไรก็ตาม ภายใต้การนำของเขา ธนาคาร JPMorgan ได้เปิดตัวเหรียญดิจิทัลของตัวเอง JPM Coin และมีส่วนร่วมในโครงการที่ใช้บล็อกเชนเพื่อปรับปรุงระบบการชำระเงิน

       มูลค่าของ Bitcoin ที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ในปี 2024 ราคาของมันพุ่งขึ้น 121% โดยแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 108,135 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ตั้งแต่นั้นมา สกุลเงินดิจิทัลก็ประสบกับการปรับฐาน โดยร่วงลงต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์ในช่วงสั้นๆ ในช่วงต้นเดือนมกราคม เมื่อวันอังคาร Bitcoin ดีดตัวขึ้นและมีการซื้อขายที่สูงกว่าระดับ 96,000 ดอลลาร์

Bitcoin ถูกสร้างขึ้นในปี 2009 ช่วยให้ผู้คนสามารถส่งและรับเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องพึ่งพาธนาคารหรือรัฐบาลแบบดั้งเดิม ราคาส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบโดยอุปทาน ความต้องการของตลาด ความพร้อมใช้ สกุลเงินดิจิทัลที่แข่งขันกัน และความเชื่อมั่นของนักลงทุน

อุปทานของ Bitcoin มีจำกัด เนื่องจากมีจำนวน Bitcoins ที่จำกัดที่สามารถขุดได้ และเหรียญสุดท้ายคาดว่าจะขุดได้ในปี 2140 มักเรียกกันว่า “ทองคำดิจิทัล” เนื่องจากมีอุปทานและคุณสมบัติในการรักษาคุณค่า.

ที่มา RT