'ไบเดน' วางยา 'ทรัมป์' ผ่านมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียหรือไม่?

ขอบคุณภาพจาก Sputnik International

15-1-2025

      เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้เน้นย้ำถึงผลของความพยายามทางการทูตของประเทศของเขาในปีที่ผ่านมาในงานแถลงข่าวที่กรุงมอสโก เมื่อวานนี้ (14 ม.ค.) ซึ่งกิลเบิร์ต ด็อกโตโรว์ นักวิเคราะห์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกิจการรัสเซียประจำกรุงบรัสเซลส์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดของลาฟรอฟเกี่ยวกับความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะทำลายท่อส่งก๊าซ TurkStream ที่เพิ่งถูกโจมตี โดยตั้งข้อสังเกตว่า วอชิงตันประสบความสำเร็จในการ "แทนที่รัสเซียเป็นซัพพลายเออร์พลังงานให้กับยุโรปเป็นส่วนใหญ่" และขณะนี้กำลังพยายามที่จะ "กำจัดซัพพลายเออร์ของรัสเซียออกจากตลาดยุโรปทั้งหมด"

     ด้านศาสตราจารย์ Stevan Gajić จากสถาบัน European Studies ในเบลเกรดมองว่า สหรัฐฯ มีเป้าหมายที่จะ "ทำให้ประเทศต่างๆ ในยุโรปพึ่งพา LNG และน้ำมันให้มากที่สุด เพื่อที่สหรัฐฯ จะสามารถควบคุมแหล่งพลังงานสำหรับสหภาพยุโรปได้ ซึ่งจะทำให้สหภาพอ่อนแอลง"

     มาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ที่กำหนดเป้าหมายที่ภาคส่วนพลังงานของรัสเซีย ซึ่งประกาศใช้โดยรัฐบาลของไบเดนเมื่อไม่นานนี้ ถือเป็น "ยาพิษ" สำหรับทรัมป์อย่างแท้จริง Gajić อธิบาย พร้อมระบุว่า "มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียมีจุดประสงค์เพื่อทำให้ทรัมป์ไม่สามารถเจรจากับรัสเซียเกี่ยวกับการยุติสงครามยูเครนและการแก้ไขโครงสร้างความมั่นคงในยุโรปได้"

     อีกด้านหนึ่ง ความร่วมมือยูเรเซียของรัสเซีย ซึ่งลาฟรอฟกล่าวว่าทำให้รัสเซียสามารถปูทางไปสู่ช่องทางที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ และการบูรณาการยูเรเซียคือ "การบูรณาการของอนาคต" ตามมุมมองของ Gajić โดยมี "ภูมิภาคใหญ่" ที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยตัวอย่างหนึ่งคือคำประกาศของโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับกรีนแลนด์ แคนาดา และปานามา

     แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้ผนวกภูมิภาคเหล่านี้เข้ากับสหรัฐฯ โดยตรง แต่ศาสตราจารย์ก็ตั้งสมมติฐานว่า "จะมีการบูรณาการในระดับที่สูงกว่าในทวีปอเมริกา"

    “ผมคิดว่าการก่อตั้งภูมิภาคขนาดใหญ่ การบูรณาการแพนแอฟริกัน การบูรณาการแพนยูเรเซีย และการบูรณาการแพนอเมริกา คือหนทางที่โลกกำลังดำเนินไปในขณะนี้ ภูมิภาคใหญ่ๆ กำลังถูกทำให้เข้มแข็งขึ้น”

     สำหรับการที่ลาฟรอฟระบุว่า รัสเซียพร้อมที่จะเริ่มหารือเกี่ยวกับการรับประกันความปลอดภัยสำหรับเคียฟในความขัดแย้ง และข้อเสนอของตุรกีในการไกล่เกลี่ยเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว Gajić มองว่า ชัยชนะทางทหารของรัสเซียจะเป็นทางออกเดียวสำหรับความขัดแย้งในยูเครน เนื่องจากเคียฟมีความกระตือรือร้นที่จะ “โจมตีประชาชนด้วยการก่อการร้าย” และ “โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ” ทั้งในยูเครนและต่างประเทศ

      ขณะที่ Doctorow เองก็ดูจะสงสัยเกี่ยวกับโอกาสที่ Lavrov “จะใช้พลังสมองจำนวนมากในการคิดค้นการรับประกันความปลอดภัยสำหรับเคียฟ” เพราะ “การรับประกันดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของชาติรัสเซียเท่านั้น”

IMCT News

ที่มา https://sputnikglobe.com/20250114/did-anti-russian-sanctions-become-bidens-poison-chalice-for-trump-1121429139.html