ที่ปรึกษาทรัมป์เสนอทำลายโรงงาน TSMC หากจีนบุกไต้หวัน
25-12-2024
เอลบริดจ์ คอลบี้ ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมฝ่ายนโยบายในรัฐบาลทรัมป์ ผลักดันแนวคิดการทำลายโรงงานผลิตชิปของ TSMC ในไต้หวันหากจีนบุกรุก โดยระบุผ่านทวิตเตอร์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 ว่าสหรัฐฯ "คงจะบ้า" หากปล่อยให้ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกตกไปอยู่ในมือจีนโดยไม่เสียหาย
แนวคิดนี้สอดคล้องกับ "นโยบายรังที่พังทลาย" (Broken Nest) ที่นักวิชาการทหารสหรัฐฯ เสนอ ซึ่งแนะนำให้ไต้หวันใช้ "นโยบายเผาทำลาย" โรงหล่อเซมิคอนดักเตอร์ของตนเองเพื่อลดความน่าดึงดูดในฐานะเป้าหมาย เอกสารดังกล่าวเป็นงานวิจัยที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดของวิทยาลัยสงครามกองทัพบกสหรัฐฯ ในปี 2021
อย่างไรก็ตาม คอลบี้ย้ำว่าการตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ควรขึ้นอยู่กับไต้หวันเพียงฝ่ายเดียว เนื่องจากมีความสำคัญต่อประเทศอื่นๆ ด้วย เขายังเสนอให้ใช้มาตรการลงโทษพันธมิตรสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศให้มากขึ้น
คอลบี้เคยดำรงตำแหน่งรองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาลทรัมป์ชุดแรก (2017-2018) และมีส่วนร่างยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ ก่อนจะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการโครงการป้องกันประเทศที่ศูนย์เพื่อความมั่นคงแห่งอเมริกาใหม่ (CNAS) และร่วมก่อตั้ง The Marathon Initiative
ด้านจีน่า ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยต่อคณะกรรมาธิการจัดสรรงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรว่า การที่จีนอาจรุกรานและยึด TSMC จะเป็น "หายนะอย่างยิ่ง" ต่อสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯ พึ่งพาชิปขั้นสูงจาก TSMC ถึง 92%
แม้รัฐบาลไบเดนผ่านกฎหมาย CHIPS Act ในปี 2022 เพื่อลดการพึ่งพาและป้องกันปัญหาขาดแคลนชิปเหมือนช่วงโควิด-19 โดย TSMC จะได้รับเงินสนับสนุน 11,600 ล้านดอลลาร์ (แบ่งเป็นเงินช่วยเหลือ 6,600 ล้านดอลลาร์และเงินกู้ 5,000 ล้านดอลลาร์) เพื่อสร้างโรงงานในแอริโซนา พร้อมกับบริษัทอื่นๆ ทั้ง Intel, GlobalFoundries, SK Hynix และ Samsung แต่ทรัมป์วิจารณ์ว่าเป็นข้อตกลงที่แย่ เสนอให้ใช้มาตรการภาษีแทน
อย่างไรก็ตาม ในเอกสารปี 2022 คอลบี้เตือนว่าการใช้มาตรการลงโทษทางอ้อมต่อบริษัทชิปไต้หวันมีความเสี่ยง เนื่องจากทั่วโลกพึ่งพาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน และการเรียกเก็บภาษี TSMC อาจสร้างแรงต่อต้านทั่วโลกจากการขึ้นราคาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่การย้ายฐานการผลิตกลับสหรัฐฯ ต้องใช้เวลานาน และไม่ชัดเจนว่าการเร่งกระบวนการหรือลงโทษ TSMC จะส่งผลต่อความพยายามด้านการป้องกันประเทศของไต้หวันหรือไม่
เขาเสนอว่าหากจะใช้มาตรการภาษี ควรมุ่งเป้าไปที่กลุ่มผลประโยชน์ที่มีอำนาจน้อยกว่า เช่น กลุ่มบริษัทปิโตรเคมี เคมีภัณฑ์ และพลาสติก Formosa ซึ่งอาจเป็นก้าวแรกในการสร้างพันธมิตรทางการเมืองเพื่อเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวัน โดยจีนมองว่าไต้หวันเป็นจังหวัดที่แยกตัวออกไปและต้องการรวมเข้ากับแผ่นดินใหญ่ พร้อมทั้งดำเนินการซ้อมรบยั่วยุใกล้ชายแดนอย่างต่อเนื่อง
---
IMCT NEWS