.

รมว.กลาโหมสหรัฐฯ เยือนญี่ปุ่น-ฟิลิปปินส์ ชี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ต่อต้านจีน ในอินโด-แปซิฟิก'
24-3-2025
Global Times รายงานเชิงวิเคราะห์ว่า ทำไม? 'เฮกเซธ' เลี่ยงเกาหลีใต้? เลือกเยือนญี่ปุ่น-ฟิลิปปินส์ในทริปแรก ผู้เชี่ยวชาญชี้ส่งสัญญาณปิดล้อมจีนในทะเล กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะออกเดินทางในสัปดาห์หน้าเพื่อเยือนฮาวาย กวม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นการเยือนภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ต่างจากธรรมเนียมการเยือนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกครั้งแรกของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ คนก่อนๆ ที่มักจะรวมเกาหลีใต้ไว้ในกำหนดการ แต่เฮกเซธกลับเลือกที่จะไม่แวะเยือนเกาหลีใต้และเพิ่มฟิลิปปินส์เข้ามาแทน ผู้เชี่ยวชาญที่ให้สัมภาษณ์กับโกลบอลไทม์สเชื่อว่า การวางแผนเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงเจตนาของสหรัฐฯ ที่มุ่งเป้าไปที่จีน และอาจกระตุ้นให้ฟิลิปปินส์ดำเนินการยั่วยุต่อจีนเพิ่มมากขึ้น
ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โฆษกกระทรวงกลาโหม ฌอน พาร์เนลล์ กล่าวว่า "ในฐานะส่วนหนึ่งของการเยือนภูมิภาคอย่างเป็นทางการครั้งแรก เฮกเซธจะเดินทางไปยังฮาวายก่อนเพื่อพบกับผู้นำฝ่ายพลเรือนและทหารจากกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก จากนั้นจะเดินทางไปยังกวม ซึ่งคาดว่าจะเยี่ยมชมสถานที่ทางทหารและรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับขีดความสามารถทางทหาร ต่อจากนั้น เขาจะเดินทางไปยังฟิลิปปินส์ เพื่อหารือวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคงกับผู้นำฟิลิปปินส์และพบปะกับกำลังพลของสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ ส่วนที่ญี่ปุ่น เฮกเซธจะเข้าร่วมพิธีรำลึกครบรอบ 80 ปีของการสู้รบที่เกาะอิโวจิมะ และภายหลังจะพบปะกับผู้นำญี่ปุ่นและกำลังทหารสหรัฐฯ"
"การเดินทางของรัฐมนตรีเฮกเซธเกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐฯ กำลังเสริมสร้างความร่วมมือที่ไม่เคยมีมาก่อนกับประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค" พาร์เนลล์กล่าว พร้อมระบุว่าการมีส่วนร่วมเหล่านี้จะผลักดันความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเสริมสร้างพันธมิตรและความเป็นหุ้นส่วนของสหรัฐฯ เพื่อมุ่งสู่วิสัยทัศน์ร่วมกันสำหรับอินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง
ตามธรรมเนียมปฏิบัติ จุดหมายปลายทางสำหรับการเยือนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกครั้งแรกของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ มักรวมถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ตัวอย่างเช่น ในเดือนมีนาคม 2564 ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ในขณะนั้น ได้เดินทางเยือนญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดียเป็นการเยือนครั้งแรก ในช่วงสมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์วาระแรก เจมส์ แมตทิส รัฐมนตรีกลาโหมในขณะนั้นก็ได้เดินทางเยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2560
การเยือนเอเชีย-แปซิฟิกครั้งนี้ของเฮกเซธไม่เพียงแต่มองข้ามเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแวะเยือนฟิลิปปินส์ซึ่งไม่เคยปรากฏในกำหนดการมาก่อน มีปัจจัยใดบ้างที่ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้? จาง จุนเซอ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร กล่าวกับโกลบอลไทม์สเมื่อวันเสาร์ว่า การตัดสินใจไม่เยือนเกาหลีใต้ของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ มีรายงานว่าเชื่อมโยงกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่ไม่มั่นคงของเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าเกาหลีใต้มีบทบาทลดลงในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ เนื่องจากเกาหลีใต้ยังคงเป็นพันธมิตรทางทหารที่สำคัญของสหรัฐฯ
ติง ดูโอ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยประเด็นระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค สถาบันแห่งชาติเพื่อการศึกษาทะเลจีนใต้ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับโกลบอลไทม์สเมื่อวันเสาร์ว่า ทิศทางการเมืองปัจจุบันของเกาหลีใต้ยังคงมีความไม่แน่นอน เขาตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลทรัมป์มีมุมมองของตนเองเกี่ยวกับประเด็นคาบสมุทรเกาหลีและความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือ และคุณค่าเชิงยุทธศาสตร์ของเกาหลีใต้ต่อสหรัฐฯ นั้นค่อนข้างต่ำกว่าเมื่อเทียบกับฟิลิปปินส์และญี่ปุ่น
"สิ่งที่ควรสังเกตคือการที่ฟิลิปปินส์ได้รับการบรรจุอยู่ในกำหนดการเดินทางเยือนเอเชีย-แปซิฟิกครั้งแรกของเฮกเซธในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สิ่งนี้เป็นเสมือน 'การทำการบ้านเพิ่มเติม' เนื่องจากเขารู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับประเทศในกลุ่มอาเซียน ในทางกลับกัน ตามข้อมูลที่ฝ่ายสหรัฐฯ เปิดเผย คาดว่าทั้งสองฝ่ายจะหารือเกี่ยวกับประเด็นความมั่นคงทางทะเลของฟิลิปปินส์และกระตุ้นให้ประเทศนี้ดำเนินการยั่วยุต่อจีน" จางกล่าว
"การบ้านที่ต้องทำเพิ่มเติม" ที่ผู้เชี่ยวชาญทางทหารรายนี้กล่าวถึง หมายถึงข้อเท็จจริงที่ว่าในระหว่างการพิจารณายืนยันการเสนอชื่อครั้งก่อนหน้านี้ เฮกเซธในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ไม่สามารถตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับประเทศในกลุ่มอาเซียนได้อย่างถูกต้อง เมื่อถูกถามว่าเขาสามารถระบุความสำคัญของอย่างน้อยหนึ่งประเทศในอาเซียนได้หรือไม่ และสหรัฐฯ มีข้อตกลงประเภทใดกับประเทศในอาเซียนอย่างน้อยหนึ่งประเทศ รวมถึงมีกี่ประเทศในอาเซียน เขาตอบเพียงว่า "ผมรู้ว่าเรามีพันธมิตรในเกาหลีใต้ ในญี่ปุ่น และในออกัส (AUKUS) กับออสเตรเลีย"
ติงเชื่อว่าการที่เฮกเซธเลือกฟิลิปปินส์และญี่ปุ่นสำหรับการเยือนภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกครั้งแรก เน้นย้ำถึงเจตนาเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีน พันธมิตรของวอชิงตันกับมะนิลาและโตเกียวถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการเข้าไปมีส่วนร่วมในประเด็นทางทะเลที่เกี่ยวข้องกับจีน โดยส่งเสริมยุทธศาสตร์การใช้อิทธิพลทางทะเลต่อต้านจีน
โดยอาศัยพันธมิตรทั้งสองนี้ สหรัฐฯ มุ่งที่จะควบคุมและกดดันจีนอย่างต่อเนื่องในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นแนวทางที่วอชิงตันมองว่า "มีต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิผลสูง" ติงกล่าว
"เนื่องจากพันธมิตรดั้งเดิมของสหรัฐฯ มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายสหรัฐฯ คาดว่าเฮกเซธจะส่งสัญญาณทางการทูตที่เข้มแข็งในระหว่างการเยือนครั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งฟิลิปปินส์และญี่ปุ่น" ติงกล่าว
การ "สร้างความมั่นใจ" ของสหรัฐฯ อาจยิ่งเป็นการสร้างความกล้าให้กับฟิลิปปินส์มากขึ้น เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เครื่องบินรบของสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ได้ดำเนินการ "ลาดตระเวนร่วม" เหนือทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นการจงใจบ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค จางกล่าวว่า "เป็นที่คาดการณ์ได้ว่า ด้วยการสนับสนุนของสหรัฐฯ ฟิลิปปินส์จะยังคงมีการดำเนินการยั่วยุมากขึ้น"
ต่างจากผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าทั้งสองคน คือ ออสตินและแมตทิส ที่เลือกประเทศในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกสำหรับการเยือนต่างประเทศครั้งแรก เฮกเซธกลับเลือกยุโรปเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางครั้งแรก โดยเยือนเยอรมนี เบลเยียม และโปแลนด์
"รัฐบาลสหรัฐฯ หลายชุดที่ผ่านมาได้ให้ความสำคัญกับยุโรปและเอเชียเป็นจุดศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการกระจุกตัวของการส่งเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของเฮกเซธระหว่างการเยือนยุโรปได้เน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในนโยบายการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ" จางตั้งข้อสังเกต
เนื่องจากผลกระทบของความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่มีต่อประเทศในยุโรป การเยือนยุโรปของเฮกเซธมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งสัญญาณไปยังพันธมิตรว่าพวกเขาต้องรับภาระด้านการป้องกันประเทศมากขึ้น ในแง่หนึ่ง การเยือนดังกล่าวทำหน้าที่สร้างความมั่นใจให้กับพันธมิตรของสหรัฐฯ ในขณะเดียวกันก็เตรียมพื้นฐานสำหรับการถอนตัวที่อาจเกิดขึ้นของสหรัฐฯ จากยุโรป
"ที่สำนักงานใหญ่นาโต้ เฮกเซธได้ระบุอย่างชัดเจนว่าสหรัฐฯ จำเป็นต้องมุ่งเน้นความพยายามทางทหารในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ให้ความสำคัญกับความมั่นคงตามแนวพรมแดนของตนเป็นหลัก ในขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งระดับเดียวกันอย่างจีน สิ่งนี้บ่งชี้ว่าสหรัฐฯ มีแผนที่จะถอนกำลังทหารออกจากยุโรปและตะวันออกกลางอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยปรับเปลี่ยนความพยายามไปที่การเสริมสร้างความมั่นคงภายในประเทศและเพิ่มกำลังทหารในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก" จางกล่าว
จางอธิบายเพิ่มเติมว่าในเดือนธันวาคม 2560 สหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเสนอแนวคิด "ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก" อย่างเป็นทางการ แทนที่กรอบ "เอเชีย-แปซิฟิก" แบบเดิม "เฮกเซธเคยเน้นย้ำว่าแก่นสำคัญของยุทธศาสตร์ความมั่นคงในอนาคตของสหรัฐฯ อยู่ที่การปกป้องความมั่นคงภายในประเทศและการสร้างระบบพันธมิตรเพื่อปิดล้อมจีนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ดังนั้น การเยือนญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ของเขา มีเป้าหมายเพื่อกระชับพันธมิตรทางทหารระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ-ฟิลิปปินส์ ซึ่งรับใช้ 'ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก' ของวอชิงตัน"
ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ชี้ว่า สหรัฐฯ มองประเทศทั้งสองนี้เป็น "เบี้ย" อย่างไม่ต้องสงสัยในความพยายามที่จะปิดล้อมจีน โดยใช้ประโยชน์จากข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลที่ประเทศเหล่านี้มีกับจีน เพื่อรักษาอำนาจนำของสหรัฐฯ ในอินโด-แปซิฟิก
ติงเน้นย้ำว่า "เกี่ยวกับประเด็นทางทะเลของจีน นโยบายของสหรัฐฯ ในมิติความมั่นคงและการทหารได้สืบทอดแนวโน้มจากรัฐบาลชุดก่อนๆ แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ที่ละเอียดอ่อนภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน เราต้องเฝ้าระวังเจตนาเหล่านี้อย่างเข้มงวด" เขากล่าวเสริมว่า ความสามารถของจีนในการจัดการสถานการณ์และปกป้องสิทธิของตนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ประเทศยังคงรักษาความสงบในเชิงยุทธศาสตร์และมีเครื่องมือที่หลากหลายในการจัดการกับกิจการทางการทูตในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
---
IMCT NEWS : Photo: VCG
ที่มา https://www.globaltimes.cn/page/202503/1330631.shtml?id=12