นามิเบีย-แอฟริกาใต้เผยแหล่งผลิตน้ำมันใหม่สำคัญ

นามิเบีย-แอฟริกาใต้เผยแหล่งผลิตน้ำมันใหม่สำคัญของโลก หลัง Big Oil แห่ลงทุนหาทองคำชายฝั่ง
29-7-2025
Bloomberg รายงานว่า นามิเบียกำลังได้รับความสนใจจากอุตสาหกรรมพลังงานโลก ในฐานะเป็นหนึ่งในพื้นที่สำรวจน้ำมันแห่งใหม่ที่มีศักยภาพสูง ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของบริษัทน้ำมันชั้นนำระดับโลกซึ่งเข้ามาลงทุนและสำรวจแหล่งน้ำมันนอกชายฝั่งบริเวณ Orange Basin ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความตื่นตัวในตลาดเกิดจากการคาดการณ์ว่าประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้แห่งนี้กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านจาก “ฐานการคาดหวัง” สู่ “ฐานการผลิตจริง” โดยภายในปลายทศวรรษนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ
กระแสการสำรวจน้ำมันของนามิเบียถูกนำมาเปรียบเทียบกับประสบการณ์ของกายอานา (Guyana) ที่สามารถยกระดับการผลิตน้ำมันจากระดับศูนย์สู่ 700,000 บาร์เรลต่อวันภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ด้วยความสำเร็จของบริษัท ExxonMobil ปัจจุบันกายอานาคาดการณ์ว่ายอดการผลิตจะเพิ่มขึ้นเกิน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี 2027 ทัดเทียมประเทศสมาชิก OPEC+ อย่างลิเบีย
อย่างไรก็ตาม นามิเบียเผชิญความท้าทายด้านธรณีวิทยา เนื่องจากชั้นหินมีค่าการซึมผ่านต่ำซึ่งจำกัดการไหลของน้ำมัน ประกอบกับอัตราส่วนก๊าซต่อปิโตรเลียมที่สูง ทำให้ต้องมีการอัดก๊าซกลับลงไปในแหล่ง ก่อให้เกิดความซับซ้อนและต้นทุนสูงโดยเฉพาะในพื้นที่น้ำลึก เมื่อปีที่ผ่านมา โครงการของ TotalEnergies ประสบปัญหาในการสำรวจ Chevron พบหลุมที่ไม่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์ (dry hole) และ Shell มีการบันทึกด้อยค่าทรัพย์สิน (write-down) มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ จากการประเมินศักยภาพการผลิตที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
สถานการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การปรับมุมมองของทั้งภาครัฐและเอกชนในนามิเบีย โดยผู้ว่าการธนาคารกลาง โยฮันเนส !Gawaxab (Johannes !Gawaxab) ให้ความเห็นเมื่อต้นปี 2025 ว่าความคาดหวังอาจสูงเกินไป และจำเป็นต้องปรับความจริงให้เหมาะสมกับข้อมูลใหม่
แม้จะมีอุปสรรคและความผิดหวังในระยะแรก แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าความเห็นเชิงลบต่อศักยภาพของนามิเบียในปัจจุบันอาจมากเกินไปเช่นกัน จากข้อมูลล่าสุด หากโครงการหลักสามารถเดินหน้าสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ได้จริง คาดว่ากำลังการผลิตอาจทำได้ที่ 300,000-400,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงกลางทศวรรษ 2030 แม้จะต่ำกว่าตัวอย่างของกายอานา แต่ถือเป็นพัฒนาการที่มีนัยสำคัญในตลาดพลังงานโลก ท่ามกลางภาวะที่แหล่งน้ำมันใหม่ๆ มีจำกัด
ปัจจุบันมี 2 โครงการหลักที่เป็นประเด็นสำคัญต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมน้ำมันในนามิเบีย
**1. โครงการ Mopane ของ Galp Energia:**
บริษัท Galp Energia SGPS SA จากโปรตุเกส ซึ่งถือหุ้นหลักในแหล่ง Mopane ล่าสุดประกาศได้รับข้อเสนอเบื้องต้นจากพันธมิตรและกำลังเข้าสู่การเจรจาขั้นสูงเพื่อขายหุ้นบางส่วนในโครงการ พร้อมทั้งเตรียมประกาศการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (Final Investment Decision หรือ FID) ภายในปี 2025 หากได้รับการยืนยัน โครงการจะประกอบด้วยเรือผลิต กักเก็บ และขนถ่ายน้ำมัน (Floating Production Storage and Offloading – FPSO) 2 ลำ รองรับกำลังผลิตรวมประมาณ 240,000 บาร์เรลต่อวัน การประเมินมูลค่าการซื้อขายในขั้นนี้จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่านามิเบียจะก้าวสู่การผลิตเชิงพาณิชย์อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
**2. โครงการ Venus ของ TotalEnergies:**
บริษัท TotalEnergies จากฝรั่งเศสร่วมกับพันธมิตร Namcor, QatarEnergy และ Impact Oil & Gas วางแผนตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายในโครงการ Venus oilfield ในช่วงต้นปี 2026 โดยโครงการนี้จะใช้ FPSO หนึ่งลำ ผลิตได้ประมาณ 150,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ต้องเผชิญต้นทุนและความท้าทายด้านเทคนิคเนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตน้ำลึก 3,000 เมตร แต่บริษัทมั่นใจว่าต้นทุนเฉลี่ยจะไม่เกิน 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล TotalEnergies ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลนามิเบียเพื่อเงื่อนไขการผลิตใหม่ซึ่งจะช่วยขยายอายุการผลิตและเพิ่มความคุ้มค่าของโครงการ
นาย Patrick Pouyanne (แพทริก ปูยานเน่) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TotalEnergies ระบุว่ารัฐบาลนามิเบียต้องการเห็นน้ำมันชุดแรกจากโครงการ Venus ภายในสิ้นปี 2029 ดังนั้นจึงคาดว่าการตัดสินใจครั้งสำคัญต้องเกิดขึ้นก่อนสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ มีกระแสในอุตสาหกรรมว่า TotalEnergies อาจพิจารณาเข้าร่วมในโครงการของ Galp ด้วย
ความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมจากทั้ง Galp และ TotalEnergies ภายในระยะ 6-12 เดือนข้างหน้า จะช่วยยืนยันทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนให้กับผู้ลงทุนรายอื่น คาดว่าภายในกลางปี 2026 ภาพรวมของแหล่งน้ำมันนามิเบียจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนให้บริษัทด้านพลังงานยังคงเดินหน้าสำรวจ แม้ผลการลงทุนในระยะแรกล้มเหลวบ้างก็ตาม ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในกายอานาเป็นบทเรียนสำคัญ เพราะบริษัทหลายรายถอนตัวเร็วเกินไป เช่น Shell ซึ่งขายหุ้นในโครงการของ ExxonMobil ก่อนพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่เพียงไม่กี่เดือน
การพัฒนาครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่านามิเบียกำลังก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตน้ำมันแห่งใหม่ในภูมิภาคแอฟริกา ภายใต้กลไกการถ่ายทอดเทคโนโลยี การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาแรงงานท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง ในอนาคตรัฐบาลนามิเบียมีแนวโน้มจะได้รับรายได้จากภาษีและค่าภาคหลวงในระดับที่สามารถต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2025-07-28/big-oil-namibia-oil-riches-may-finally-start-to-flow?utm_source=website&utm_medium=share&utm_campaign=copy