.

นักวิเคราะห์ชี้ระเบียบโลกสหรัฐฯ เสี่ยงล่มสลายจาก หนี้รัฐ-มหันตภัยสงคราม-นโยบาย 'ทรัมป์' อาจนำไปสู่หายนะ เปิดทางจีน-รัสเซีย
29-7-2025
Bloomberg Opinion โดย Hal Brands รายงานว่า ระเบียบโลกอเมริกาส่อสั่นคลอน: สงคราม เศรษฐกิจ-การคลัง และนโยบายทรัมป์เปิดช่องจีน-รัสเซีย
Hal Brands นักวิเคราะห์เตือนว่า “ระเบียบโลกสหรัฐฯ” หลังก้าวเข้าสู่ความปั่นป่วน อาจล่มสลายจากสามปัจจัยใหญ่ ทั้งมหันตภัยสงคราม วิกฤตหนี้รัฐ และความไม่แน่นอนจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) — เปิดประตูให้จีนและรัสเซียขยายอิทธิพลบนเวทีโลก
ระเบียบโลกอเมริกาที่สร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นำมาซึ่งสันติภาพ ความมั่งคั่ง และสิทธิเสรีภาพในวงกว้าง แต่ทุกระบบล้วนมีจุดจบ ผู้เชี่ยวชาญยกตัวอย่างว่าทั้ง Pax Romana และอำนาจอังกฤษยุควิกตอเรียต่างล่มสลายลงในห้วงวิกฤตทางทหารหรือเศรษฐกิจ เช่นกัน ทุกวันนี้บรรยากาศโลกปั่นป่วนภายใต้สหรัฐฯ ที่เปลี่ยนผู้นำและยุทธศาสตร์อย่างรวดเร็ว ทำให้ “จุดหักเหของระเบียบโลกเดิม” ใกล้เข้ามา
จุดเริ่มอำนาจอเมริกัน
นับตั้งแต่ปี 1945 สหรัฐฯ สร้างระบบโลกที่ยึดหลักการค้าเสรี ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ป้องกันภัยสงครามระหว่างมหาอำนาจ และวางสถาบันระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาร่วม รัฐบาลวอชิงตันใช้ทั้งแรงทหารและเศรษฐกิจค้ำจุนพลังของโลกเสรี ดั่งคำกล่าวของอดีตประธานาธิบดีแฮร์รี ทรูแมน (Harry Truman) ที่ประกาศให้สหรัฐฯ รับ “ภาระที่พระเจ้ามอบหมายไว้เพื่อมวลมนุษย์ในอนาคต”
ในด้านผลประโยชน์ ระบบนี้อิงบน “อำนาจบารมี” ของสหรัฐฯ ที่ขยายผลไปทั่วโลก จนสังคมประชาธิปไตยขยายตัว การค้าเติบโต มาตรฐานชีวิตสูงขึ้น และสงครามระหว่างมหาอำนาจลดลง
แต่กองทัพกดดันเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ระบบโลกอเมริกันต้องเผชิญความท้าทายใหม่จากกลุ่ม “revisionist powers” ไม่ว่าจะเป็น จีน (China), รัสเซีย (Russia), อิหร่าน (Iran) และเกาหลีเหนือ (North Korea) ตลอดจน “Global South” ที่เริ่มผิดหวังกับสายตาฝ่ายตะวันตกเอง ช่วงไม่กี่ทศวรรษหลัง สหรัฐฯ ก็ออกอาการลังเลต่อบทบาทผู้นำ ขีดความสามารถทางเศรษฐกิจและทหารเริ่มอ่อนแรง Allies ในยุโรป เอเชีย ต่างหวั่นว่าเสถียรภาพหลังสงครามโลกอาจสิ้นสุดลง
*สามเส้นทางสู่วิกฤติ: จากสงคราม ถึงเศรษฐกิจ และการสูญเสียศรัทธา*
1. หายนะทางทหาร — “Losing a War”
สงครามมหาอำนาจเป็นวิกฤติใหญ่สุดของระบบโลกทุกยุค มิใช่เรื่องเพ้อฝัน ช่วงนี้กองกำลังสหรัฐฯ ถูกยืดเยื้อจากหลายสมรภูมิทั้งเหนือยุโรป ตะวันออกกลาง ไปจนเอเชีย ขณะเดียวกัน จีนเร่งเสริมกำลังทหารทั้งแสนยานุภาพ นิวเคลียร์ และยุทธศาสตร์ตุนเสบียงเพื่อตั้งรับปะทะโดยรองเลขาธิการกลาโหม Frank Kendall และ Pete Hegseth เตือนชัดว่าจีน “เตรียมพร้อมรบกับสหรัฐฯ”
หากเกิดสงครามในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่นในไต้หวัน (Taiwan) ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจะรุนแรงทันที และถ้าสหรัฐฯ แพ้ ศูนย์กลางพันธมิตรในเอเชีย-แปซิฟิกเสี่ยงแตก ระบบการปกครองทหารสหรัฐฯ จะลดอิทธิพลต่อพื้นที่อื่น พล.ร.อ. Samuel Paparo เตือนว่า “เส้นกราฟอันตรายกำลังชี้สูงขึ้น แต่สหรัฐฯ ยังขาดความเร่งด่วนและทรัพยากรตอบโต้ภัยนี้”
แม้สหรัฐฯ ผลักดันให้พันธมิตรนาโต (NATO) ยอมเพิ่มงบกลาโหม 3.5% ของ GDP และเน้นลงทุนด้านยุทโธปกรณ์ เช่นในอิสราเอลและยูเครน แต่รายงานล่าสุดชี้ว่า “อุตสาหกรรมทหารอเมริกันอ่อนแอ” กำลังผลิตแทบไม่พอทดแทนเครื่องมือที่สูญเสียในสงคราม พร้อมข้อเท็จจริง “งบกลาโหมต่อ GDP ต่ำใกล้ระดับหลังสงครามโลกครั้งที่ 2”
ความไม่แน่นอนเหล่านี้ทำให้แม้แต่ฝ่ายจีนก็ประเมิน “ขนาดศักยภาพกองทัพสหรัฐฯ ยังไม่ทราบแน่ชัด” และผลลัพธ์ของความสมดุลที่เปลี่ยนไปอาจสั่นคลอนระเบียบโลกเดิมโดยสิ้นเชิง
2. เศรษฐกิจล่มสลาย — “An Economic Collapse”
ระเบียบโลกไม่จำเป็นต้องล่มจากสงครามเท่านั้น หากผู้นำขาดความสามารถสนับสนุนระบบเศรษฐกิจ สองเสาหลักคือ 1) ฐานะการเงินที่มั่นคงรองรับกำลังทหารและการลงทุนระหว่างประเทศ และ 2) กลไกเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ผูกพันผลประโยชน์ร่วม
ปัจจัยหลักที่อันตรายขึ้นเรื่อยๆ คือ “หนี้” รัฐบาลกลางสหรัฐฯ สูงถึง 100% ของ GDP และคาดว่าอาจทะลุ 200% ภายในปี 2050 หากแนวทางใช้งบประมาณ-ปฏิรูปภาษีในสมัยทรัมป์ยังดำเนินต่อ ส่งผลให้ต้นทุนดอกเบี้ยสูงกว่ารายจ่ายกลาโหม
อีกประเด็นคือ “กระแสกีดกันทางการค้า (Protectionism)” ผ่านมาตรการตั้งกำแพงภาษีรอบด้านโดยสหรัฐฯ ทำร้ายพันธมิตร กระทบการร่วมมือยับยั้งอิทธิพลจีนใน AI และอุตสาหกรรมใหม่ๆ
ท้ายสุด นโยบายการเมืองแทรกแซงเศรษฐกิจ — เช่นการกดดัน Federal Reserve และใช้นโยบายภาษีเพื่อเป้าหมายทางการเมือง — ซ้ำเติมความศรัทธาระบบทั่วโลก
3. การสลายตัวเพราะ “กติกา-จริยธรรม” ถูกทำลาย — “Breaking All the Rules”
ระเบียบโลกขึ้นอยู่กับ “norms” หรือบรรทัดฐานร่วม ทั้งเสรีภาพเดินเรือ ป้องกันขยายอาวุธนิวเคลียร์ เคารพสิทธิมนุษยชน ฯลฯ ปัจจุบัน กฎเหล่านี้ถูกละเมิดทั้งโดย “รัฐอันธพาล” (เช่น การกดขี่ชาวอุยกูร์ในจีน การยึดทะเลจีนใต้อย่างผิดกฎหมาย และการกระทำของรัสเซียในอาร์กติก) ตลอดจนรัฐบาลสหรัฐฯ บางยุคที่แสดง “สองมาตรฐาน”
ถึงแม้ทรัมป์มีจุดแข็งบางเรื่อง เช่น ต้านขีดความสามารถนิวเคลียร์อิหร่าน หรือจัดการกับ Houthis ในทะเลแดง แต่ก็นำเสนอแนวคิดเปลี่ยนแปลงรุนแรงต่อบรรทัดฐานโลก ทั้งมองจะผนวกพื้นที่ต่างประเทศ (Panama, Greenland, Canada) และใช้อิทธิพลเศรษฐกิจหรือทหารเพื่อ “ขยายดินแดน”
เมื่อผู้นำใหญ่เสียศรัทธาต่อกติกาพื้นฐาน โลกทั้งระบบจะอ่อนแรง — เตือนถึงปลายทางระเบียบใหม่ที่อาจไม่ดีต่อทั้งโลกและอเมริกา
ท้ายที่สุด
การเปลี่ยนแปลงของระเบียบโลกหลายยุคสมัยล้วนมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า เมื่อระเบียบใดเหนื่อยล้า วิกฤติซ้อนทับ หรือถูกผู้นำบ่อนทำลายซ้ำ ก็พร้อมจะถูกแทนที่ โดยเฉพาะวันนี้ที่สหรัฐฯ เผชิญทั้งวิกฤติสงคราม วิกฤติหนี้ และวิกฤติ “ศรัทธา” พร้อมกัน ประเทศที่จ่อกำหนดเกมยุคหลังอเมริกาคือ “จีน” (China) ซึ่งมียุทธศาสตร์ตรงข้ามกับระเบียบอเมริกันในรอบ 80 ปีที่ผ่านมา
จุดเปลี่ยนของระเบียบนี้ อาจเกิดจากสงครามกับจีน, วิกฤติเศรษฐกิจระยะยาว หรือจากการละเลยบรรทัดฐานโลก หรืออาจเป็นการผสานกันของทั้งสามปัจจัย ซึ่งประวัติศาสตร์เตือนเสมอว่า ระเบียบโลกอาจ “แตกสลายได้พร้อมกันทุกมิติ”
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/opinion/features/2025-07-28/three-ways-trump-might-end-america-s-world-order?utm_source=website&utm_medium=share&utm_campaign=copy