.

รมว.กลาโหมอังกฤษแถลง พร้อมใช้กำลังทหารต่อสู้กับ 'จีน' หากสถานการณ์'ไต้หวัน'บานปลาย
29-7-2025
RT รายงานว่า สหราชอาณาจักรส่งสัญญาณเชิงนโยบายที่รุนแรงมากขึ้นต่อภัยคุกคามในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เมื่อจอห์น ฮีลี (John Healey) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอังกฤษ ให้สัมภาษณ์ระหว่างเยือนออสเตรเลีย โดยประกาศว่าลอนดอน “พร้อมรักษาสันติภาพผ่านขีดความสามารถด้านอำนาจ” หากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณไต้หวันทวีความรุนแรงจนถึงขั้นต้องใช้กำลังทหาร พร้อมเน้นย้ำว่านโยบายหลักของสหราชอาณาจักรยังคงมุ่งเน้นการแก้ปัญหาทางการทูตเป็นอันดับแรก
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นระหว่างที่เรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Prince of Wales ของราชนาวีสหราชอาณาจักร ซึ่งติดตั้งเครื่องบินขับไล่ F-35 ประจำการอยู่ ได้เทียบท่าที่เมืองดาร์วิน ประเทศออสเตรเลีย ตอกย้ำบทบาทของอังกฤษในฐานะพันธมิตรด้านความมั่นคงของภูมิภาคนี้อย่างมีนัยสำคัญ โดยภารกิจ Pacific Deployment ระยะเวลา 9 เดือนของเรือบรรทุกเครื่องบินดังกล่าวประกอบด้วยการเข้าร่วมการฝึกซ้อมรบร่วม Talisman Sabre กับออสเตรเลีย เยือนท่าเรือในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และถือเป็นการที่หมู่เรือตีโฉบเข้าแปซิฟิกเต็มรูปแบบครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปีของอังกฤษ[1][2][3][4].
ในการให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษ Healey กล่าวว่า “หากจำเป็นต้องต่อสู้เช่นที่เคยในอดีต ออสเตรเลียและอังกฤษจะเคลื่อนทัพร่วมกัน... การฝึกซ้อมร่วมและการเตรียมความพร้อมร่วมกันคือการเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องปรามภัยคุกคามร่วมกัน” พร้อมย้ำว่าแม้สหราชอาณาจักรจะพร้อมตอบโต้อย่างแข็งขัน แต่ไม่ประสงค์เห็นความขัดแย้งทางทหาร โดยเน้นการแก้ปัญหาโดยสันติวิธีและการทูตเป็นหลัก[2][5][6][7].
ด้านจีนยังคงยืนยันว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตามหลัก “จีนเดียว” โดยระบุว่ายังเลือกการรวมชาติโดยสันติเป็นทางเลือกหลัก แต่ยังคงสงวนสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญในการใช้กำลังหากจำเป็น ขณะที่ทั้งอังกฤษและสหรัฐอเมริกายังคงถือตามหลักการจีนเดียว ขณะเดียวกันก็สานสัมพันธ์ทางไม่เป็นทางการและส่งมอบยุทโธปกรณ์ให้แก่ไต้หวันอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเดือนที่ผ่านมาจีนได้ประณามการเดินเรือรบอังกฤษผ่านช่องแคบไต้หวัน ว่าเจตนาสร้างความขัดแย้งในพื้นที่และสั่นคลอนเสถียรภาพของภูมิภาค ในขณะที่การปรากฏตัวของกลุ่มเรือบรรทุกเครื่องบินสหราชอาณาจักรในแปซิฟิกครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์สร้างพันธมิตรและเสริมองค์ประกอบ “ป้องปราม” ของฝ่ายตะวันตก ภายใต้เป้าหมายรักษาระเบียบโลกตามกฎหมายสากลและความมั่นคงทางการเดินเรือ
ภารกิจ Operation Highmast ของราชนาวีสหราชอาณาจักรในปี 2025 ยังประกอบด้วยการฝึกปฏิบัติการร่วมกับพันธมิตร 19 ประเทศทั่วโลก มีเครื่องบิน F-35B, ทหารประจำการเรือและกำลังเสริมจากกองทัพบกและกองทัพอากาศอังกฤษกว่า 4,500 นาย เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือ ยกระดับสมรรถนะการปฏิบัติการในพื้นที่ที่เผชิญความไม่แน่นอน[8][9][4].
การขยับตัวของอังกฤษครั้งนี้ตอกย้ำว่า บทบาทของมหาอำนาจยุโรปต่อข้อพิพาทในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกกำลังมีน้ำหนักมากขึ้นในยุทธศาสตร์ดุลอำนาจโลก ท่ามกลางการจับตาสถานการณ์และการตอบโต้ระหว่างจีน สหรัฐฯ และพันธมิตรสำคัญในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด
-----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.rt.com/news/622062-uk-fight-china-taiwan/