.

จับตาความผิดปกติ! “มือที่มองไม่เห็น” สร้างความขัดแย้งไทย-กัมพูชา กลางภูมิรัฐศาสตร์อาเซียน-BRICS
29-7-2025
Pepe Escobar จาก Sputnik ตั้งประเด็นชวนคิดในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ไทย-กัมพูชาปะทุสงครามชายแดน สงครามตัวแทน-ทรัพยากรพลังงานสั่นสะเทือนอาเซียน ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาซึ่งปะทุขึ้นในห้วงเดือนกรกฎาคม 2025 ได้กลายเป็นประเด็นเร่งด่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ปัจจัยเบื้องหลังว่าเป็น ‘สงครามพร่าเลือน’ (fog of war) ที่เต็มไปด้วยเกมอิทธิพลและเศรษฐกิจระดับโลกซ้อนทับกัน
การเดินหน้าสู่ความขัดแย้งและการทวีความตึงเครียดยังคงดำเนินต่อเนื่อง แม้ขณะนี้สหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) จะนำนโยบายสร้างภาพ "Peacemaker" หรือผู้ชี้นำการเจรจาสันติภาพ ขณะเดียวกัน การเวียนเป็นประธานอาเซียนของมาเลเซียในปีนี้ ทำให้ดาโต๊ะเศรียะ อันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เข้ามาเป็นตัวกลางหลักจัดการเจรจาหยุดยิง โดยสามารถนำสองฝ่ายกลับสู่โต๊ะพูดคุยและบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเป็นการชั่วคราวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ปัจจัยตระกูลการเมือง—ธุรกิจคาสิโนข้ามแดน จุดไฟขัดแย้ง
แหล่งข่าวข่าวกรองไทยระบุว่า จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งครั้งนี้มาจากความบาดหมางระหว่างตระกูลการเมืองทรงอิทธิพลของทั้งสองประเทศ ได้แก่ ตระกูลทักษิณ ชินวัตร (Thaksin Shinawatra) ของไทย และตระกูลฮุนเซน (Hun Sen) ของกัมพูชา โดยทั้งสองเคยมีสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ก่อนเกิดจุดแตกหักจากการขยายธุรกิจคาสิโนในภูเก็ตของครอบครัวชินวัตร ซึ่งไปกระทบผลประโยชน์โดยตรงต่อกลุ่มทุนคาสิโนของตระกูลฮุนเซนในเมืองปอยเปต บริเวณชายแดนกัมพูชา
กรณีดังกล่าวยิ่งซ้อนทับกับข้อพิพาทพรมแดนไทย-กัมพูชาที่สะสมมานาน โดยเฉพาะพื้นที่แนวสันปันน้ำบนเทือกเขาดงรักและโบราณสถานสำคัญที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ ซึ่งล่าสุดปัญหาดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นสาเหตุทางการเมืองอย่างเป็นทางการ
“Pipelineistan” และอำนาจเหนือทรัพยากรพลังงาน
ข้อพิพาทดังกล่าวมีความซับซ้อนมากขึ้นเมื่อเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จากแหล่งน้ำมันและแก๊สธรรมชาตินอกชายฝั่งอ่าวไทย (Pipelineistan) พื้นที่ซึ่งยังมีปัญหาการแบ่งเขตทางทะเลระหว่างสองประเทศ ปัจจุบันบริษัทตะวันตกหลายแห่ง เช่น Chevron ถือครองสิทธิสำรวจในน่านน้ำฝั่งไทย ส่งผลให้ฝ่ายตะวันตกมีแนวโน้มสนับสนุนไทย ขณะที่กัมพูชาต้องการดึงเขตแดนมาทางฝั่งตนเพื่อขยายสิทธิครอบครองทรัพยากรพลังงาน
จีนกับสมการอำนาจภูมิรัฐศาสตร์อาเซียน
ในมิติจีน ไทยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการทหารกับจีนแน่นแฟ้นกว่ากัมพูชา ซึ่งการเคลื่อนไหวของจีนเน้นประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ระยะยาวกับไทย แม้จะลงทุนขนาดใหญ่ในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานกับกัมพูชา แต่ประเมินว่าจีนจะสงวนท่าที ไม่สนับสนุนการผลักดันทางทหารของฮุนเซนที่อาจสร้างความได้เปรียบชั่วคราวเท่านั้น
มิติการเมืองไทยปัจจุบัน—ทักษิณและสถาบันฯ
การกลับมามีบทบาททางการเมืองของทักษิณ ชินวัตร เพื่อถ่วงดุลกลุ่มเสรีนิยม กลายเป็นเงื่อนไขสำคัญที่เสี่ยงส่งผลสะเทือนต่อสมดุลอำนาจในไทย
ผลกระทบภูมิภาคและมหาอำนาจ—ASEAN, BRICS, ความมั่นคงทางเชื่อมต่อ
ไทยและกัมพูชาต่างเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียนและเครือข่ายความร่วมมือ BRICS ความรุนแรงยืดเยื้อจะสร้างแรงกระเพื่อมต่อเสถียรภาพ นอกจากนั้น ไทยเองยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ New Silk Road หรือรถไฟความเร็วสูงสายคุนหมิง-กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ ฝ่ายที่ไม่ต้องการเห็นความเชื่อมต่อของภูมิภาคอาเซียนสมบูรณ์จึงมีแรงจูงใจจะใช้ 'สงครามตัวแทน' (proxy war) โจมตีทางเศรษฐกิจและพลวัตการค้าชายแดน
วิเคราะห์เพิ่มเติมจากแหล่งข่าวต่างประเทศระบุว่าเกมแบ่งแยกและปกครอง (divide and rule) ที่ขับเคลื่อนโดยมหาอำนาจตะวันตก โดยเฉพาะกลุ่มที่มีผลประโยชน์ข้ามภูมิภาค จากตะวันออกกลางจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังถูกใช้เพื่อจำกัดความร่วมมือของกลุ่ม Global South และ BRICS โดยเห็นได้ชัดว่าความถี่ของความขัดแย้งภูมิภาค เช่น ไทย-กัมพูชา ถูกร้อยเรียงกับโลกาภิวัตน์ด้านความมั่นคงและพลังงาน
"ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ Pepe Escobar แนะนำว่า BRICS ควรเดินเกมด้วยความระมัดระวังและคุมจังหวะ โดยเน้น ‘อาเซียนเซ็นทรัลลิตี้’ (ASEAN centrality) ไม่เปิดโอกาสให้ปมขัดแย้งยืดเยื้อกลายเป็นข้ออ้างตั้งฐานอิทธิพลภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
---
IMCT NEWS
ที่มา https://sputnikglobe.com/20250728/why-thailand-and-cambodia-are-at-war-in-the-heart-of-asean-1122501957.html
------------------------
ไทย–กัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ยุติความขัดแย้งที่ทำประชาชนกว่า 260,000 คนต้องพลัดถิ่น — ทรัมป์กล่าว
29-7-2025
โฆษกทำเนียบขาวเสนอชื่อผู้ทรงเกียรติ “โนเบลสาขาสันติภาพ” หลังประธานาธิบดีใช้แรงกดดันทางการค้าเพื่อยุติความขัดแย้งชายแดนอันร้ายแรง ไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิง “ผ่านการค้า” ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันจันทร์ ยุติความขัดแย้งที่กำลังปะทุซึ่งทำให้ประชาชนกว่า 260,000 คนต้องพลัดถิ่น
คำประกาศของทรัมป์มีขึ้นหลังจากที่เขากล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ว่า เขาได้พูดคุยกับผู้นำของกัมพูชาและไทย โดยเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง พร้อมระบุว่าสหรัฐฯ จะไม่กลับไปเจรจาการค้ากับทั้งสองประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนกว่าจะยุติการสู้รบ
เหตุปะทะเริ่มต้นเมื่อวันพฤหัสบดี หลังเกิดเหตุระเบิดจากกับระเบิดบริเวณชายแดน ทำให้ทหารไทย 5 นายได้รับบาดเจ็บ ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวโทษกันว่าเป็นผู้เริ่มต้นเหตุการณ์ความรุนแรง ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 35 ราย และทำให้ประชาชนกว่า 260,000 คนในทั้งสองประเทศต้องอพยพ
“มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และผมกำลังจัดการกับสองประเทศที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีมาก แม้จะเป็นประเทศที่แตกต่างกันมากในหลายแง่มุม พวกเขาต่อสู้กันมา 500 ปีแบบเป็นระยะ ๆ และเราก็แก้ปัญหาสงครามนั้นได้... เราแก้ได้ผ่านการค้า” ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างการเดินทางเยือนสก็อตแลนด์
ทรัมป์กล่าวว่า “ผมบอกว่า ‘ผมไม่ต้องการค้าขายกับใครก็ตามที่กำลังฆ่ากันเอง’ ดังนั้นเราจึงเพิ่งแก้ปัญหานั้นได้ และผมกำลังจะโทรหานายกรัฐมนตรีทั้งสองคน ซึ่งผมมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับพวกเขา และจะพูดคุยกับพวกเขาทันทีหลังการประชุมนี้ เพื่อแสดงความยินดี มันเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ เพราะมันกำลังจะกลายเป็นสงครามที่รุนแรงมาก สงครามเหล่านี้ในอดีตก็โหดร้ายอย่างมาก” ทรัมป์กล่าว
ทรัมป์ยังโพสต์บน Truth Social ว่า “ด้วยการยุติสงครามครั้งนี้ เราได้ช่วยชีวิตผู้คนไว้หลายพันคน ผมได้สั่งการให้ทีมเจรจาการค้าของผมเริ่มต้นการเจรจาอีกครั้ง ผมได้ยุติสงครามไปหลายครั้งภายในเวลาเพียงหกเดือน — ผมภูมิใจที่ได้เป็นประธานาธิบดีแห่งสันติภาพ!”
ตามที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม เปิดเผย
ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงนี้ ผู้บัญชาการทหารจากทั้งสองฝ่ายจะเริ่มเจรจากันในวันอังคารเพื่อคลี่คลายความตึงเครียด ขณะที่กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนในวันที่ 4 สิงหาคม
เขายังกล่าวเสริมด้วยว่า รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหมของมาเลเซีย กัมพูชา และไทย ได้รับมอบหมายให้ “จัดทำกลไกโดยละเอียด” เพื่อดำเนินการและติดตามผลข้อตกลงหยุดยิง เพื่อให้แน่ใจว่าสันติภาพจะยั่งยืน
“ถึงเวลาแล้วที่เราจะเริ่มฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจ ความมั่นใจ และความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาเพื่อเดินหน้าต่อไป” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาแน็ต กล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ประเทศมาเลเซีย
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เขียนบนแพลตฟอร์ม X ว่า “สหรัฐฯ ขอยกย่องคำประกาศหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทยที่ประกาศในวันนี้ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์”
ที่มา Fox News
--------------------------------------
“ภูมิธรรม“ ปลื้ม “ทรัมป์” ชมไทยกล้าหาญเป็นตัวอย่างสร้างสันติภาพ บอกอยากมาเมืองไทย เชื่อหากกัมพูชาเบี้ยว โลกจะเข้าข้างเรา
29-7-2025
"ภูมิธรรม" ปลื้ม "ทรัมป์" ชมไทยกล้าหาญ เป็นตัวอย่างสร้างสันติภาพในอาเซียน หลังจากนี้จะได้คุยเรื่องภาษี มั่นใจเป็นประโยชน์ทบทวนมาตรการภาษีทิศทางบวก บอกทำอยากมาเที่ยวไทย ชี้หากกัมพูชาเบี้ยวข้อตกลงอีกโลกจะเข้าข้างเรา
เมื่อเวลา 21.35 น. วันที่ 28 ก.ค.ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ประมาณ 30 นาที ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้โทรมาแสดงความชื่นชมยินดีว่าเป็นความกล้าหาญของประเทศไทย ที่เปิดใจทำให้เป็นตัวอย่างในการรักษาสันติภาพให้เกิดขึ้นกับประเทศและชื่นชมสิ่งที่เราทำว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศในการร่วมมือครั้งนี้ โดยตนยืนยันความร่วมมือความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ร่วมกันในการแก้ปัญหา และชื่นชมประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีบทบาทร่วมกับ 2 ประเทศ ในการทำให้เกิดความร่วมมือ และทำให้เกิดการแก้ปัญหาที่มุ่งเน้นสันติสุข และช่วยผลักดันเรื่องนี้
“ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เรื่องนี้จะทำให้ประชาคมโลกชื่นชมประเทศไทย ที่หยุดการกระทำรุนแรง และทำให้ประชาชนของไทยไม่เกิดความสูญเสียมากกว่านี้ รวมถึงการดำเนินกิจการต่างๆ เป็นประโยชน์ และหลังจากนี้จะเริ่มพูดคุยเจรจาทางภาษี สิ่งนี้เป็นประโยชน์กับประเทศไทย ซึ่งทางสหรัฐฯ จะทำให้ดีที่สุด และดูแลเรื่องนี้ให้มากเท่าที่ทำได้ ขณะที่นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสก็ชื่นชมประเทศไทยในการแก้ปัญหาเรื่องนี้“
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ประธานาธิบดี ระบุว่าอยากมาเห็นเมืองไทยในฐานะที่เราเป็นประเทศที่น่าชื่นชมและมีสิ่งที่ดีทางวัฒนธรรมหลายอย่าง เขาชื่นชมเรื่องนี้กับเรา ตนได้ขอบคุณสหรัฐฯ ที่มีส่วนช่วยให้ผลมีส่วนให้ประเทศเราพ้นวิกฤตในครั้งนี้ จึงเชิญชวนให้เดินทางมาเยี่ยมเมืองไทยและเขาก็อยากที่จะมาประเทศไทย ทั้งนี้ เท่าที่ฟังจากการพูดคุยน่าจะมีผลบวกเพราะสหรัฐฯ อยากให้เรามีส่วนในการสร้างสันติภาพในอาเซียน และอาเซียนทั้งหมดก็มีความรู้สึกดีต่อกัน สิ่งนี้เป็นประโยชน์ที่เขาชมว่าเรากล้าตัดสินใจ สิ่งนี้จะเป็นทางออกที่ดีต่อประชาชน และเชื่อว่าเมื่อสหรัฐฯ เริ่มต้นจากความรู้สึกที่ดีในการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ดีต่อกัน การเจรจาภาษีจะเป็นไปในทางที่ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อตกลงหยุดยิง หากยังมีการยิงกันอยู่ทำอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวสวนว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเที่ยงคืนต้องรอให้ถึงเที่ยงคืน เวลานี้ยังมีการต่อสู้ต่อเนื่อง แม้จะคุยกันที่กัมพูชาจบ แต่ยังมีการรบที่ติดพัน ซึ่งตนเชื่อว่าจะจบได้อย่างดี เพราะบรรยากาศที่ประชาคมโลกสนับสนุนเราน่าจะไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่าที่ผ่านมากัมพูชา มักไม่ทำตามข้อตกลง นายภูมิธรรม กล่าวว่า เวลานี้เป็นการพูดคุยของประชาคมโลก และประธานอาเซียนก็แสดงความชื่นชม หากกัมพูชายังเป็นอย่างที่เคยเป็น เชื่อว่าคิดโลกจะเข้าข้างเรา
เมื่อถามว่าผู้สังเกตการณ์จากจีนว่าอย่างไรบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกคนชื่นชมเพราะเวลานี้เราอยู่ในสายตาของโลกและสิ่งที่เราได้จากโลก คือทุกคนชื่นชมยินดี เพราะมีความรู้สึกว่าประเทศเราใจกว้าง และส่งเสริมสันติภาพ เรามีความร่วมมือเราพูดและทำจริงสิ่งที่เราได้กลับมาน่าจะเพียงพอ
เมื่อถามว่าแม้จะตกลงหยุดยิงในเที่ยงคืนนี้ แต่กัมพูชายังอยู่ในพื้นที่ของไทยที่ประสาทตาควาย เราต้องผลักดันออกก่อนหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ให้ผู้นำทางทหารทั้งสองฝ่าย ซึ่งรู้สถานการณ์จริงจะเป็นผู้พูดคุยกัน เราหยุดยิงเที่ยงคืนนี้ และพรุ่งนี้ 7 โมงเช้าจะให้แม่ทัพภาค 1 และ 2 คุยกับกองทัพภาคที่ 4 และ 5 ของกัมพูชา ที่ขณะนี้ติดต่อกันอยู่แล้ว จึงอยากให้ดูให้ไกลและกว้างว่าเรื่องนี้จะเป็นการนับหนึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในเวลาเที่ยงคืน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงบรรยากาศที่ยังปะทะต่อเนื่องซึ่งความยาวชายแดนมี 800 กิโลเมตร ขอให้รอถึงพรุ่งนี้ก่อน วันนี้เราอยู่ในจุดยืนที่แสดงออกให้ประชาคมโลกได้เห็นแล้ว ถ้ากัมพูชายังไม่ทำในสิ่งที่ควรเป็นเขาจะเกิดความเสียหายต่อประชาคมโลกอย่างมาก
เมื่อถามว่าก่อนที่จะถึงเวลาเที่ยงคืน แต่กำลังพลเสียชีวิตจะกระทบต่อขวัญและกำลังใจของประชาชนหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า บางสิ่งที่เราไม่อยากเห็น ไม่อยากให้เกิดขึ้นเราก็เสียใจ แต่ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าการสู้รบยังเป็นอย่างต่อเนื่อง ต้องรอดูผลทั้งหมดไม่ใช่แค่เฉพาะหน้า เพราะในภาวะสงคราม อะไรเกิดขึ้นจะทำให้ยากที่จะจบได้
เมื่อถามว่าพูดได้เต็มปากหรือไม่ว่า เป้าประสงค์ของกัมพูชา คือต้องการอธิปไตยไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้ที่พูดคุยทั้งหมดถือว่าเป็นประโยชน์ และจะคลี่คลายได้ทางที่ดี
ที่มา Mgronline.com