.

การปะทะรุนแรงเกิดขึ้นที่ชายแดนกัมพูชา–ไทย: รายงานสดตามเหตุการณ์
25-7-2025
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 รายจากเหตุปะทะระหว่างกองกำลังทหารใกล้พื้นที่ชายแดนพิพาท ประเทศไทยและกัมพูชาได้แลกเปลี่ยนการโจมตีในความรุนแรงที่ปะทุขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ชายแดนพิพาท โดยมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน นับตั้งแต่เกิดการปะทะเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ทหารจากทั้งสองฝ่ายได้เปิดฉากยิงกันใกล้กับวัดตาเมือนธม ซึ่งเป็นศาสนสถานฮินดูขอมโบราณที่ตั้งอยู่ในเขตพิพาทซึ่งทั้งสองประเทศอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ดังกล่าว ความขัดแย้งมีรากฐานมาจากแผนที่ในยุคอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่ทำให้เส้นแบ่งเขตแดนบางส่วนไม่ชัดเจน
ทั้งสองประเทศต่างกล่าวหาว่าอีกฝ่ายเป็นผู้เปิดฉากยิงก่อน การปะทะครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความรุนแรงที่ร้ายแรงที่สุดในข้อพิพาทเรื่องดินแดนที่ยืดเยื้อมานานในรอบหลายปี
ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน ประเทศไทยได้ปิดจุดผ่านแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ติดต่อกับกัมพูชา ถอนเอกอัครราชทูต และขับไล่ทูตกัมพูชา เพื่อตอบโต้เหตุระเบิดกับระเบิดที่ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ 5 นาย
ทางกัมพูชาได้ตอบโต้โดยประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยลงสู่ระดับต่ำที่สุด และจะขับไล่เอกอัครราชทูตไทย พร้อมทั้งเรียกเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชาทั้งหมดกลับจากกรุงเทพฯ
สรุปเหตุการณ์ปะทะกันที่ชายแดนเมื่อวานนี้
24 กรกฎาคม 2568
14:19 GMT
กัมพูชาได้กล่าวหากองทัพไทยว่าได้สร้างความเสียหายต่อปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นมรดกโลกของยูเนสโก กระทรวงวัฒนธรรมและศิลปะของกัมพูชาระบุว่า การโจมตีวัดดังกล่าวเป็น “หายนะทางวัฒนธรรมและโศกนาฏกรรมทางศีลธรรม” และอาจ “เข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม” กระทรวงฯ ได้เรียกร้องให้ยุติปฏิบัติการทางทหารทั้งหมดในบริเวณใกล้เคียงกับปราสาท
14:18 GMT
ผู้บัญชาการทหารกัมพูชารายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวท้องถิ่น Fresh News ว่ากองกำลังของประเทศได้ควบคุมพื้นที่วัดตาเมือนธม วัดตาแกบ และบริเวณมุมเตย์ไว้ได้แล้ว เขาระบุว่า ณ เวลา 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น สถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนได้สงบลง แต่บางพื้นที่ยังคงมีการสู้รบเป็นระยะ
13:51 GMT
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของไทยได้สั่งอพยพประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบทันที โดยประชาชนในสามจังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ ได้รับการขอความร่วมมือให้อพยพออกจากพื้นที่และประสานการอพยพผ่านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เช่น ผู้ใหญ่บ้าน ที่ว่าการอำเภอ และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ Phnom Penh Post ของกัมพูชารายงานว่ามีประชาชนประมาณ 5,000 คนถูกอพยพออกจากพื้นที่ชายแดนในจังหวัดอุดรมีชัยหลังเกิดการปะทะกัน
13:05 GMT
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาแนต เรียกร้องให้ประชาชนรักษา “ศีลธรรมและศักดิ์ศรี” และหลีกเลี่ยงการเลือกปฏิบัติหรือกระทำการใด ๆ ต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย บริษัทไทย หรือพลเมืองไทยในกัมพูชา แม้การสู้รบจะยังคงดำเนินอยู่
เขายังได้ขอให้ชาวกัมพูชาที่อาศัย ทำงาน หรือศึกษาอยู่ในประเทศไทย เดินทางกลับประเทศ หากเผชิญกับแรงกดดันหรือการเลือกปฏิบัติ
12:32 GMT
พลโท วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกไทย กล่าวว่าการตอบโต้ทางทหารของไทยเป็นสิ่งที่ “จำเป็น” และมุ่งเป้าเฉพาะที่เป้าหมายทางทหารเท่านั้น โดยเน้นย้ำว่าไทยไม่มีเจตนาหรือแรงจูงใจในการโจมตีกัมพูชา
เขาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกัมพูชาเปิดการเจรจาทางการทูตโดยเร็วที่สุด เพื่อหาทางออกอย่างสันติทั้งในส่วนของสาเหตุโดยตรงและโดยอ้อมของความขัดแย้ง
12:21 GMT
รัสเซียระบุว่ากำลังติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด และได้แนะนำให้พลเมืองของตนในทั้งสองประเทศใช้ความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง
12:04 GMT
ประธานาธิบดีกัมพูชา ฮุน เซน ปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่าเขาหลบหนีออกนอกประเทศ โดยเขาได้โพสต์ภาพของตนเองในห้องบัญชาการสงครามผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ขณะกำลังเป็นผู้นำในการตอบโต้ “การรุกรานของไทย”
12:02 GMT
ประเทศไทยได้เผยแพร่ภาพการโจมตีด้วยเครื่องบิน F-16 ต่อฐานทหารของกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ยิงปืนข้ามพรมแดนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ อ้างว่าได้มุ่งเป้าไปที่กองบัญชาการของกองสนับสนุนทหารราบที่ 8 และ 9 ของกัมพูชา
11:58 GMT
กระทรวงสาธารณสุขของไทยระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 12 คน ซึ่งรวมถึงพลเรือน 11 คน และทหารไทย 1 นาย จากการปะทะกับกองกำลังของกัมพูชา อีก 31 คน รวมถึงพลเรือน 24 คน ได้รับบาดเจ็บ
ทางกัมพูชาอ้างว่า เครื่องบินรบ F-16 ของไทยทิ้งระเบิดสองลูกบนถนนสายหนึ่ง แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
11:57 GMT
ประเทศไทยเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการกระทำของกัมพูชา โดยในโพสต์บนเฟซบุ๊ก โฆษกรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ กล่าวหาพนมเปญว่าเป็น “ผู้ปลุกปั่นสงครามที่ไม่สนใจสิทธิมนุษยชน ด้วยการใช้อาวุธหนักโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างต่อเนื่อง”
24 กรกฎาคม 2568
11:57 GMT
ไม่มีทางที่จะเจรจากับกัมพูชาได้จนกว่าการสู้รบตามแนวชายแดนจะยุติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทยกล่าว พร้อมกล่าวหากัมพูชาว่าใช้อาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมาย ทำให้มีพลเรือนเสียชีวิต
ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังไม่มีการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการ และความขัดแย้งยังไม่ลุกลามไปยังพื้นที่อื่น
ที่มา RT
-----------------------
กองทัพไทยได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศไปยังเป้าหมายทางทหารของกัมพูชา
25-7-2025
กองทัพไทยได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศไปยังเป้าหมายทางทหารของกัมพูชาในวันพฤหัสบดี ตามคำแถลงของกองทัพไทย ท่ามกลางความรุนแรงที่เกิดขึ้นใหม่จากข้อพิพาทดินแดนที่ยืดเยื้อมานาน เหตุความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นหลังจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเป็นเวลาหลายเดือนเกี่ยวกับพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ ซึ่งเป็นมรดกจากแผนที่ยุคอาณานิคมของฝรั่งเศสและการกำหนดเขตแดนที่ยังไม่สิ้นสุด การปะทะกันเกิดขึ้นเป็นระยะตั้งแต่ปี 2008 และรอบล่าสุดเริ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม
ร้อยเอกหญิง ริชา สุขสุวรรณ โฆษกกองทัพไทยกล่าวในช่วงเช้าวันพฤหัสบดีว่า ไทยได้ใช้ “กำลังทางอากาศโจมตีเป้าหมายทางทหารตามแผนที่วางไว้” กระทรวงกลาโหมกัมพูชาระบุว่า มีการทิ้งระเบิดสองลูกจากเครื่องบินไทยบนถนนสายหนึ่ง
รายงานระบุว่าการปะทะส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่บริเวณรอบ ๆ วัดพระธาตุตาเมือนธม ซึ่งเป็นวัดศาสนาฮินดูที่มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวว่ามีพลเรือน 11 คนเสียชีวิตจากการยิงปืนใหญ่ของกัมพูชา คลิปวิดีโอออนไลน์เผยให้เห็นสถานีบริการน้ำมันถูกไฟไหม้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลจากการถูกจรวดของกัมพูชา ทางการไทยจึงสั่งอพยพประชาชนจากหมู่บ้านใน 4 จังหวัดชายแดน
กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชากล่าวหาประเทศไทยว่าได้ดำเนินการ “โจมตีโดยไม่มีเหตุผล มีการวางแผนล่วงหน้า และเจตนา” และยืนยันว่ากัมพูชากำลังป้องกันตัวเอง กรุงพนมเปญประณามการกระทำของกรุงเทพฯ และเรียกร้องให้กองทัพไทยถอนกำลังกลับไปยัง “ฝั่งของตน” ตามแนวพรมแดน
กระทรวงการต่างประเทศไทยตอบโต้โดยกล่าวหากัมพูชาเป็นฝ่ายทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้น พร้อมชี้ไปยังเหตุระเบิดกับระเบิดต่อต้านบุคคลซึ่งบาดเจ็บทหารไทยเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าหน้าที่กล่าวว่าเหมืองระเบิดดังกล่าวถูกวางใหม่ ไม่ใช่ซากเก่าจากความขัดแย้งก่อนหน้าในพื้นที่
กระทรวงยังรายงานว่าปืนใหญ่หนักของกัมพูชาโจมตีฐานทัพไทยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กรุงเทพฯ ได้เรียกทูตของตนกลับจากกัมพูชา และคาดหวังให้พนมเปญตอบโต้ด้วยมาตรการทางการทูตเช่นเดียวกัน
ที่มา RT
------------------------
“ฮุนเซน” โต้ “ทักษิณ” หลังโดนขู่จะทำสงครามเพื่อสั่่งสอน จวกซ้ำคนทรยศ ระวังผลสุดท้ายประชาชนจะเป็นเหยื่อ
25-7-2025
“ฮุนเซน” โต้ทันควัน หลัง “ทักษิณ” บอกยังไม่เลิกรบ ขอสั่งสอนฮุนเซนก่อน ชี้เท่ากับส่อเจตนารุกรานกัมพูชา เหน็บไม่แปลกใจที่มีพฤติกรรมแบบนี้ เพราะแม้แต่พระมหากษัตริย์ไทยและคนของตัวเอง “ทักษิณ”ก็ยังทรยศมาแล้ว เตือนถ้าจะทำสงครามเพื่อแก้แค้น ผลลัพท์สุดท้ายประชาชนจะเป็นเหยื่อ
ภายหลังจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียส่วนตัวในทำนองว่า ขอขอบคุณที่หลายประเทศเป็นห่วงสถานการณ์สู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา เสนอตัวมาช่วยไกล่เกลี่ย แต่อยากจะขอเวลาหน่อย เพราะคงต้องปล่อยให้ทางทหารไทยทำหน้าที่ช่วยสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ล่าสุดเมื่อเวลา 23.56 น. วันที่ 24 ก.ค.ในเฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia ของนายฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีการโพสต์ภาพในอดีตเมื่อครั้งที่นายฮุนเซนยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายทักษิณ พร้อมข้อความว่า “ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ชินวัตร ได้เผยแพร่ข้อความบอกว่าจะใช้สงครามเพื่อสั่งสอนฮุนเซน คำพูดของทักษิณยิ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความพยายามรุกรานกัมพูชาโดยกองทัพไทย“ผมไม่รู้สึกแปลกใจต่อพฤติกรรมของทักษิณที่มีต่อผม เพราะแม้แต่พระมหากษัตริย์ไทย เขาก็ยังทรยศ รวมถึงผู้คนของเขาเองก็เช่นกัน และสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ เขาเคยสังหารประชาชนไทยที่นับถือศาสนาอิสลามหลายร้อยคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อปี 2547
ในขณะเดียวกัน ทักษิณ ชินวัตร อ้างหลายประเทศเสนอไกล่เกลี่ย ขอบคุณแต่ขอเวลาสั่งสอนฮุน เซน ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เรียกร้องหยุดปะทะชายแดน ดันเจรจาสันติภาพในฐานะประธานอาเซียน
วันนี้ (24 ก.ค.) แพลตฟอร์ม X ชื่อ @ThaksinLive ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บิดา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม โพสต์ข้อความระบุว่า "มีหลายประเทศเป็นห่วงสถานการณ์สู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา เสนอตัวมาช่วยไกล่เกลี่ย ผมเลยขอขอบคุณทุกคนไป แต่บอกว่าอยากจะขอเวลาหน่อย เพราะคงต้องปล่อยให้ทางทหารไทยทำหน้าที่ช่วยสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน
ก่อนหน้านี้ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนปี 2025 เปิดเผยว่าได้คุยกับ ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย เรียกร้องให้ยุติการปะทะในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งลุกลาม และเปิดโอกาสให้เกิดการเจรจาอย่างสันติและการแก้ไขปัญหาทางการทูต และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกในกระบวนการเจรจาสันติภาพ
ความคืบหน้าสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา วันที่ 2 (25 ก.ค.2568)
เวลา 00.24 น. มีคำสั่งด่วน ให้เจ้าหน้าที่บุคลากรโรงพยาบาลบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ทั้งหมดอพยพออกจากพื้นที่เป็นการด่วน
เวลา 00.33 น. เพจ “กองทัพภาคที่ 2” โพสต์ข้อความว่า ตามที่ปรากฏข่าวว่า มีร่างผู้เสียชีวิตตกค้างในพื้นที่เกิดเหตุระเบิด ณ ปตท.บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะนี้ยังคงมีวัตถุระเบิดหลงเหลืออยู่ ไม่สามารถเข้าเก็บกู้ได้ จึงแจ้งให้ชุด EOD ของกองทัพภาคที่ 2 และตํารวจตระเวน ชายแดนภาค 2 เข้าทําการเก็บกู้วัตถุระเบิดก่อน แล้วจึงจะสามารถเข้าเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้
เวลา 00.53 น. รพ.บ้านกรวด เจ้าหน้าที่ถอนกำลังทั้งหมดออกจากพื้นที่ไปสนับสนุนภารกิจ รพ.ประโคนชัย และศูนย์อพยพสนามช้างต่อไป
เวลา 01.04 น. ผู้อพยพชาวกัมพูชาในจังหวัดอุดรมีชัย ยังคงเดินทางด้วยรถอีแต๋นอย่างไรจุดหมายไปตามถนน โดยไม่มีรายงานความช่วยเหลือจากรัฐบาลกัมพูชา
กระทรวงสาธารณสุข เผยตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จากสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุด ณ เวลา 21.00 น. ที่ผ่านมา
พลเรือน
เสียชีวิต 13 ราย
บาดเจ็บสาหัส 7 ราย
บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย
บาดเจ็บเล็กน้อย 12 ราย
(รวม 45 ราย)
ทหาร
เสียชีวิต 1 ราย
บาดเจ็บสาหัส 6 ราย
บาดเจ็บปานกลาง 5 ราย
บาดเจ็บเล็กน้อย 3 ราย
(รวม 14 ราย)
ที่มา Mgronline.com
-------------------------------------------
โฆษกกต.จีน : จีนหวัง 'ไทย-กัมพูชา' แก้ไขข้อพิพาทผ่านการเจรจา
25-7-2025
ปักกิ่ง, 24 ก.ค. (ซินหัว) -- วันพฤหัสบดี (24 ก.ค.) กัวเจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวว่าจีนมีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา และหวังว่าทั้งสองประเทศจะแก้ไขข้อพิพาทอย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาหารือ
กัวกล่าวว่าไทยและกัมพูชาต่างเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรของจีน รวมถึงเป็นสมาชิกคนสำคัญของอาเซียน โดยการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและการจัดการความแตกต่างอย่างเหมาะสมนั้นสอดคล้องกับผลประโยชน์พื้นฐานในระยะยาวของทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้ จีนยึดมั่นจุดยืนอันเป็นธรรมและเป็นกลาง ยังคงส่งเสริมการหารือเพื่อสันติภาพผ่านวิถีทางของตนเอง และมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการช่วยลดทอนความรุนแรงของสถานการณ์ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์และความกังวลร่วมของประเทศในภูมิภาค
IMCT NEWS