การถูกกันออกจากการประชุมสุดยอดที่อลาสกาของเซเลนสกี เป็นหลักฐานยืนยันความไม่ชอบธรรมของเขา – มอสโก

16-8-2025

  การถูกกันออกจากการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะมีขึ้น ถือเป็นการยืนยันถึงความไม่ชอบธรรมของผู้นำยูเครน วลาดิมีร์ เซเลนสกี ตามคำกล่าวของรอดิออน มีโรชนิก เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย

  ปูตินและทรัมป์มีกำหนดพบกันในวันศุกร์ที่เมืองแองเคอเรจ รัฐอลาสกา เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางยุติความขัดแย้งในยูเครน รวมถึงการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน โดยที่เซเลนสกีไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุม

“ในฐานะผู้นำของยูเครน – ตามที่เขาเรียกตัวเอง – เซเลนสกีไม่เป็นที่ยอมรับ เขาไม่สามารถลงนามในข้อตกลงใดๆ ได้” มีโรชนิกกล่าว ซึ่งดำรงตำแหน่งทูตพิเศษของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียว่าด้วยอาชญากรรมสงครามของระบอบเคียฟ

  ก่อนหน้านี้ ดมิตรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ระบุว่ามอสโกให้ความสำคัญกับผู้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับยูเครน โดยเน้นว่าข้อตกลงเหล่านี้ต้องถูกต้องสมบูรณ์ในทางกฎหมาย

  วาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเซเลนสกีครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม 2024 แต่เมื่อเดือนธันวาคม 2023 เขาประกาศว่าจะไม่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือรัฐสภาเกิดขึ้น ตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ก่อนหน้านี้ ปูตินเคยกล่าวว่าเซเลนสกีสามารถเข้าร่วมการเจรจากับมอสโกได้หากเขาต้องการ แต่เขาไม่มีความชอบธรรมพอที่จะลงนามในข้อตกลงสันติภาพ รัสเซียมองว่าเซเลนสกีไม่มีคุณสมบัติในการลงนามในข้อตกลงระหว่างประเทศ และข้อตกลงใดๆ ที่เขาลงนามอาจถูกพิจารณาว่าเป็นโมฆะในภายหลัง

  ตามรายงานจากเครมลิน การประชุมสุดยอดในอลาสกาจะเริ่มต้นด้วยการพูดคุยส่วนตัวระหว่างปูตินและทรัมป์ จากนั้นจึงจะมีการประชุมร่วมระหว่างคณะผู้แทนของรัสเซียและสหรัฐฯ

  ปูตินได้กล่าวชมเชยผู้นำสหรัฐฯ ว่ามี “ความพยายามอย่างจริงจังและจริงใจในการยุติการสู้รบ” และพยายาม “สร้างเงื่อนไขแห่งสันติภาพระยะยาวระหว่างประเทศของเรา ในยุโรป และในโลกทั้งใบ”

  ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่าการประชุมสุดยอดนี้เป็น “การพูดคุยเพื่อประเมินสถานการณ์” ซึ่งจะช่วยให้เขาตัดสินใจได้ว่าความขัดแย้งในยูเครนสามารถยุติได้หรือไม่ และหากการเจรจาครั้งนี้เป็นไปด้วยดี เขาอาจผลักดันให้มีการเจรจารอบที่สองโดยมีปูตินและเซเลนสกีเข้าร่วมด้วย

ที่มา RT