.

สิ้นสุดยุคอเมริกาครองโลก ทรัมป์-ปูติน กำหนดสมดุลใหม่ แทนยุคโลกขั้วเดียวที่ 'เรแกน-กอร์บาชอฟ' เซ็ตไว้
4-9-2025
RT รายงานว่า นักวิเคราะห์รัสเซียชั้นนำฟยอดอร์ ลูเคียนอฟ (Fyodor Lukyanov) ได้เสนอมุมมองที่น่าสนใจว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) กำลังปิดยุคที่ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan) และมิคาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) เริ่มต้นไว้ โดยระบุว่าสงครามเย็นสิ้นสุดลงด้วยเงื่อนไขของวอชิงตัน แต่ยุคหลังสงครามเย็นจะไม่เป็นเช่นนั้น
- การพบปะกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ที่รัฐอะแลสกา (Alaska) ในเดือนสิงหาคม 2025 ถูกมองว่าเป็นจุดสิ้นสุดของยุคสมัยที่ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan) และผู้นำสหภาพโซเวียต มิคาอิล กอร์บาชอฟ (Mikhail Gorbachev) ได้ร่วมกันสร้างขึ้น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนผ่านจากโลกที่มีขั้วเดียวมาสู่ระเบียบโลกใหม่ที่มีหลายขั้วอำนาจ
ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 สหรัฐฯ (US) และสหภาพโซเวียต (USSR) ต่างเผชิญกับความเหนื่อยล้าจากภาระการแข่งขันทางอำนาจ โดยขณะที่การนำของสหภาพโซเวียต (USSR) กำลังอ่อนแรงลง การขึ้นสู่อำนาจของ กอร์บาชอฟ (Gorbachev) ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนับตั้งแต่ปี 1945 การประชุมสุดยอดระหว่าง เรแกน (Reagan) และ กอร์บาชอฟ (Gorbachev) ตั้งแต่ที่กรุงเจนีวา (Geneva) ในปี 1985 จนถึงที่เกาะมอลตา (Malta) ในปี 1989 มีจุดมุ่งหมายเพื่อยุติการเผชิญหน้าและสร้าง "ระเบียบโลกใหม่" แต่เนื่องจากความอ่อนแอภายในของสหภาพโซเวียต (USSR) ทำให้การออกแบบระเบียบโลกใหม่เป็นไปตามเงื่อนไขของสหรัฐฯ (US) และพันธมิตร ส่งผลให้สหรัฐฯ (US) ขึ้นเป็นมหาอำนาจโลกเพียงขั้วเดียว
ปัจจุบัน วงจรประวัติศาสตร์ได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง การประชุมที่อะแลสกา (Alaska) ระหว่าง ทรัมป์ (Trump) และ ปูติน (Putin) ได้สะท้อนบรรยากาศการเผชิญหน้าครั้งแรกระหว่าง เรแกน (Reagan) และ กอร์บาชอฟ (Gorbachev) ที่ผู้นำทั้งสองฝ่ายต่างตระหนักถึงความจำเป็นในการพูดคุยกัน แม้จะมีความเข้าใจร่วมกันเพียงเล็กน้อย แต่ความแตกต่างที่สำคัญคือ เรแกน (Reagan) และ กอร์บาชอฟ (Gorbachev) คือผู้ให้กำเนิดระเบียบเสรีนิยม ในขณะที่ ทรัมป์ (Trump) และ ปูติน (Putin) คือผู้ที่จะยุติยุคสมัยดังกล่าว
นักวิเคราะห์ชี้ว่าความเหนื่อยล้าของโลกที่เคยตกอยู่ภายใต้อำนาจของสหรัฐฯ (US) ในขณะนี้ ได้ส่งผลให้ความต้องการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในสหรัฐฯ (US) เอง เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับสังคมโซเวียตในทศวรรษ 1980 โดย ทรัมป์ (Trump) ตั้งเป้าที่จะย้อนกลับกระแสโลกาภิวัตน์และแทนที่ด้วย "อเมริกาที่แข็งแกร่งกว่า" โดยไม่ได้เป็นแนวคิดที่โดดเดี่ยว แต่เป็นแรงดึงดูดที่จะดึงเอาผลประโยชน์จากทุกทิศทาง
ในทางกลับกัน วิสัยทัศน์ของ ปูติน (Putin) นั้นเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับแนวคิด "อเมริกาต้องมาก่อน" (America First) ของ ทรัมป์ (Trump) โดย ปูติน (Putin) มองว่าจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนระเบียบโลกเพื่อยุติช่วงเวลาที่สหรัฐฯ (US) เป็นเจ้าโลกและสร้างระเบียบโลกแบบหลายขั้วอำนาจขึ้นมาใหม่
สิ่งที่โดดเด่นในปี 2025 คือการกลับมาของแกนอำนาจมอสโก-วอชิงตัน (Moscow-Washington) ในฐานะศูนย์กลางประสาทของโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายไม่ได้คาดการณ์ไว้ แม้ว่าปักกิ่งจะเป็นศูนย์กลางที่สำคัญ แต่การเจรจาระหว่าง ทรัมป์ (Trump) และ ปูติน (Putin) กลับเป็นผู้กำหนดทิศทางการเมืองโลกอีกครั้ง
ความแตกต่างที่สำคัญอีกประการคือ ในครั้งนี้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วกว่า 40 ปีที่แล้ว สงครามไม่ได้อยู่ในสภาวะสงครามเย็นอีกต่อไป แต่เป็นสงครามจริงที่มีการเผชิญหน้ากัน และกระบวนการที่เริ่มต้นขึ้นในอะแลสกา (Alaska) ก็จะเดินหน้าเร็วกว่าที่เจนีวา (Geneva) โดยผลลัพธ์ที่ตามมาจะตรงกันข้ามกับยุคของ เรแกน (Reagan) ซึ่งสหรัฐฯ (US) เป็นผู้ชนะและกลายเป็นขั้วอำนาจเดียว ในครั้งนี้จะไม่มีการยอมแพ้ แต่จะเป็นการปรับเปลี่ยนเวทีโลกแทน
สงครามเย็นยุติลงด้วยชัยชนะของ เรแกน (Reagan) และการยอมจำนนของ กอร์บาชอฟ (Gorbachev) แต่ในครั้งนี้จะไม่มีการยอมแพ้ มีแต่การจัดระเบียบใหม่ สหรัฐฯ (US) ยังคงแข็งแกร่ง แต่ไม่เต็มใจหรือสามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายของการเป็นเจ้าโลกได้อีกต่อไป ส่วนมหาอำนาจอื่น ๆ อย่างรัสเซีย (Russia) และจีน (China) ก็แข็งแกร่งพอที่จะยืนยันในตำแหน่งของตนเอง การต่อสู้เพื่อสันติภาพได้กลับมาอีกครั้ง และกำลังจะกลายเป็นตัวกำหนดยุคสมัย โดยไม่จบลงด้วยการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้กำหนดเงื่อนไข แต่จะจบลงด้วยการสร้างสมดุลอำนาจใหม่ที่ถูกกำหนดโดยพลังและความจำเป็น
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.rt.com/news/623982-fyodor-lukyanov-trump-and-putin/