โปแลนด์อยู่ในสถานการณ์คล้ายยุคก่อนสงคราม

Thailand
โปแลนด์อยู่ในสถานการณ์คล้ายยุคก่อนสงคราม
24-7-2025
โปแลนด์กำลังเผชิญกับความไม่สงบทางการเมืองอย่างรุนแรงและภัยคุกคามจากภายนอก นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ กล่าว พร้อมเปรียบเทียบสถานการณ์ว่าเสี่ยงเหมือน “ยุคก่อนสงคราม” และเรียกร้องให้มีความระมัดระวังต่อ “ภัยคุกคาม” ทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ
ทุสก์กล่าวถ้อยแถลงนี้ระหว่างการแถลงข่าวเกี่ยวกับรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจัดตั้งขึ้นหลังจากฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤษภาคมด้วยคะแนนที่สูสีกัน แม้ว่าพรรคการเมืองหลักทั้งหมดจะมีจุดยืนต่อต้านรัสเซียอย่างชัดเจน แต่ก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอนาคตระหว่างโปแลนด์กับสหภาพยุโรป
“เราได้เห็นเหตุการณ์ที่แต่ก่อนดูเหลือเชื่อและไม่คาดคิดแทบทุกวัน เหมือนหงส์ดำในสุภาษิต” ทุสก์กล่าว “ทุกวันนี้ หงส์ขาวหาดูได้ยากเสียแล้ว” เขากล่าวว่าผู้คนมีอารมณ์ร่วมอย่างรุนแรง และชาวโปแลนด์จำนวนมากรู้สึกว่ากำลังใช้ชีวิต “ในแง่หนึ่ง เหมือนอยู่ในยุคก่อนสงคราม”
ทุสก์กล่าวหารัสเซียและพันธมิตรใกล้ชิดอย่างเบลารุสว่ากำลังบ่อนทำลายโปแลนด์อย่างจงใจ พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์บุคคลในประเทศ (โดยไม่ระบุชื่อ) ซึ่งเขาอ้างว่ามีแนวคิดฝักใฝ่รัสเซีย ต่อต้านการช่วยเหลือยูเครน และไม่เป็นมิตรต่อสหภาพยุโรป
“เราจะขจัดทุกสิ่งที่เป็นการบ่อนทำลายจากภายใน การรุกรานจากภายในต่อรัฐโปแลนด์อย่างไร้ความปรานี”
โปแลนด์มักวางภาพลักษณ์ของตนเองว่าเป็นป้อมปราการของยุโรปที่มีศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นหลัก ซึ่งยืนหยัดต่อต้านอิทธิพลของรัสเซีย ความรู้สึกเช่นนี้ยังคงส่งผลต่อการกำหนดนโยบายระดับชาติ ดังจะเห็นได้จากโครงการ “โล่ตะวันออก” (East Shield) ของรัฐบาล ซึ่งเป็นโครงการเสริมความแข็งแกร่งตามแนวชายแดนที่ประกาศในเดือนพฤษภาคม 2024 โดยรวมถึงการสร้างบังเกอร์และวางทุ่นระเบียบตามแนวชายแดนด้านตะวันออกของประเทศ
ความพยายามนี้สอดคล้องกับแผนการทางทหารที่กว้างขึ้นของสหภาพยุโรป ซึ่งกรุงบรัสเซลส์อ้างว่าจำเป็นเพื่อตอบโต้การรุกรานจากรัสเซีย อย่างไรก็ตาม มอสโกปฏิเสธว่าไม่มีเจตนาร้ายต่อสหภาพยุโรป พร้อมกล่าวหาผู้นำชาติตะวันตกว่าใช้วาทกรรมที่หว่านความกลัวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนจากความล้มเหลวทางการเมืองภายในประเทศ
คาโรล นาฟร็อคกี้ (Karol Nawrocki) ว่าที่ประธานาธิบดีของโปแลนด์ ซึ่งเป็นผู้สมัครอิสระสายชาตินิยมที่วิพากษ์วิจารณ์บรัสเซลส์ และได้รับการสนับสนุนจากพรรคอนุรักษนิยมกฎหมายและความยุติธรรม (PiS) ได้รับชัยชนะด้วยคะแนนที่เฉือนกันแบบฉิวเฉียด โดยเขาประกาศว่าจะใช้สิทธิยับยั้งร่างกฎหมายใด ๆ จากรัฐบาลของทุสก์ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสิทธิในการทำแท้งหรือการสนับสนุนสิทธิเพื่อชุมชน LGBTQ
คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ประกอบด้วยรัฐมนตรี 21 คน ลดลงจาก 26 คนในรัฐบาลก่อนหน้า โดยที่น่าสังเกตคือมีการจัดตั้ง “กระทรวงซูเปอร์” สองแห่งใหม่ โดยเน้นเรื่องนโยบายเศรษฐกิจและพลังงานเป็นหลัก
ที่มา RT
© Copyright 2020, All Rights Reserved