บริษัทต่างๆ หันมาใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อรับมือกับความวุ่นวายจากมาตรการเก็บภาษีของทรัมป์

25-5-2025

   ธุรกิจกำลังหันมาใช้เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อช่วยรับมือกับความผันผวนในโลกแห่งความจริงของการค้าระหว่างประเทศ บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเปิดเผยกับ CNBC ว่าพวกเขากำลังนำเทคโนโลยีใหม่นี้มาใช้ในการสร้างภาพรวมของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกของธุรกิจ — ตั้งแต่วัสดุที่ใช้ในการผลิตสินค้า ไปจนถึงแหล่งที่สินค้าถูกจัดส่ง — และทำความเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้ได้รับผลกระทบอย่างไรจากภาษีตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ

   เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Salesforce เปิดเผยว่าได้พัฒนา “ตัวแทน AI ผู้เชี่ยวชาญด้านการนำเข้า” ตัวใหม่ ซึ่งสามารถ “ประมวลผลการเปลี่ยนแปลงของหมวดหมู่สินค้าทั้ง 20,000 รายการในระบบศุลกากรของสหรัฐฯ ได้ทันที และดำเนินการตามความจำเป็น” เพื่อช่วยให้สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของระบบภาษีได้

    วิศวกรของบริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ใช้ “ตารางภาษีสินค้าแบบประสาน (Harmonized Tariff Schedule)” ซึ่งเป็นเอกสารหนา 4,400 หน้าเกี่ยวกับภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐฯ มาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการสร้างคำตอบของ AI ตัวนี้

“ความเร็วและความซับซ้อนของการเปลี่ยนแปลงภาษีทั่วโลกทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ธุรกิจส่วนใหญ่จะตามให้ทันด้วยวิธีการแบบแมนนวล” เอริค โลเอบ รองประธานบริหารฝ่ายกิจการภาครัฐของ Salesforce กล่าวกับ CNBC “ในอดีต บริษัทอาจต้องพึ่งพาทีมผู้เชี่ยวชาญภายในขนาดเล็กเพื่อตามสถานการณ์ให้ทัน”

    บริษัทต่างๆ ระบุว่า ระบบ AI ทำให้พวกเขาสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานระดับโลกได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

    แอนดรูว์ เบลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทซอฟต์แวร์บริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน Kinaxis กล่าวว่า ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายที่ต้องการปรับตัวต่อมาตรการเก็บภาษีกำลังใช้เทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงของบริษัทเขาในการประเมินสินค้า วัสดุที่ใช้ในการผลิต รวมถึงสัญญาณภายนอกต่างๆ เช่น บทความข่าว และข้อมูลเศรษฐกิจมหภาค

“ด้วยข้อมูลเหล่านี้ เราสามารถเริ่มทำการจำลองบางอย่างได้ เช่น ถ้ามีชิ้นส่วนหนึ่งในรายการวัสดุที่มีภาษีสูง แล้วคุณเปลี่ยนมาใช้ชิ้นส่วนอีกตัวหนึ่งแทน ผลกระทบต่อภาพรวมจะเป็นอย่างไร?” เบลล์กล่าวกับ CNBC

‘ช่วงเวลาของ AI ที่จะเปล่งประกาย’

    รายการภาษีของทรัมป์ — ซึ่งครอบคลุมประเทศต่างๆ หลายสิบประเทศ — ได้บีบบังคับให้บริษัทต่างๆ ต้องคิดใหม่เกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานและการตั้งราคาของตน โดยบริษัทใหญ่อย่าง Walmart และ Nike ได้ปรับขึ้นราคาสินค้าบางรายการไปแล้ว ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีมูลค่าสินค้านำเข้าในปี 2024 ประมาณ 3.3 ล้านล้านดอลลาร์

     ความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ “อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ AI จะได้แสดงศักยภาพอย่างแท้จริง” แซ็ค แคส นักอนาคตศาสตร์และอดีตหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดของ OpenAI กล่าวกับซิลเวีย อามาโร แห่ง CNBC ที่เวที Ambrosetti Forum ในอิตาลีเมื่อเดือนที่แล้ว

“ถ้าคุณสงสัยว่าสถานการณ์จะยากลำบากแค่ไหนหากไม่มี AI เปรียบเทียบกับระบบอัตโนมัติ และจะเกิดอะไรขึ้นในโลกที่คุณไม่สามารถจ้างคนจำนวนมากได้ในชั่วข้ามคืน AI ก็เป็นข้อเสนอทางเลือกหนึ่ง” เขากล่าวเสริม

   นากเงนดรา บันดารู หุ้นส่วนผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายบริการเทคโนโลยีระดับโลกของบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของอินเดีย Wipro กล่าวว่า ลูกค้าของบริษัทกำลังใช้โซลูชัน AI เชิงปฏิบัติการของบริษัท “เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ผู้จัดหา ปรับเส้นทางการค้า และบริหารจัดการการเปิดเผยภาษีอย่างยืดหยุ่นตามการเปลี่ยนแปลงของนโยบาย”

    Wipro ระบุว่าใช้ระบบ AI หลากหลายประเภท ทั้งที่พัฒนาขึ้นเองและที่มาจากบุคคลที่สาม ตั้งแต่โมเดลภาษาขนาดใหญ่ ไปจนถึงแมชชีนเลิร์นนิงแบบดั้งเดิม และเทคนิคคอมพิวเตอร์วิทัศน์ในการตรวจสอบสินค้าทางกายภาพที่อยู่ระหว่างการขนส่งข้ามพรมแดน

ที่มา ซีเอ็นบีซี