สหรัฐฯ อาจเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ ภายในเดือนสิงหาคมนี้ หากไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้

12-5-2025

    รัฐมนตรีคลังเตือนสหรัฐฯ อาจผิดนัดชำระหนี้สิ้นฤดูร้อน เร่งรัฐสภาขยายเพดานหนี้ภายในกลางกรกฎาคม รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ เตือนว่าสหรัฐอาจผิดนัดชำระหนี้ภายในสิ้นฤดูร้อนนี้ ในจดหมายถึงรัฐสภาเมื่อวันศุกร์ เขาเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาดำเนินการอย่างเร่งด่วนด้วยการปรับเพิ่มหรือระงับเพดานหนี้ ซึ่งเป็นข้อจำกัดสูงสุดที่รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะขาดแคลนเงินในการชำระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง

    สหรัฐฯ ได้บรรลุเพดานหนี้ตามกฎหมายปัจจุบันที่ 36.1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เมื่อถึงเพดานหนี้แล้ว รัฐบาลจะไม่สามารถกู้ยืมเงินเพิ่มเติมเพื่อชำระหนี้ได้อย่างครบถ้วนและตรงเวลา ข้อมูลอย่างเป็นทางการระบุว่าปัจจุบันหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 36.2 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้ใช้ "มาตรการพิเศษ" ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลวิธีทางบัญชี เช่น การระงับการจ่ายเงินเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เพื่อให้สามารถชำระหนี้และเลื่อนการผิดนัดชำระหนี้ออกไป

   ตามรายงาน พรรครีพับลิกันกำลังเตรียมร่างกฎหมายที่จะเพิ่มเพดานหนี้ให้สูงขึ้นถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่จะขยายและเพิ่มเติมมาตรการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากปี 2017 อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดระบุว่าการเจรจากำลังดำเนินไปอย่างล่าช้าและอาจใช้เวลานานหลายเดือน

   เบสเซนต์กล่าวว่ามี "ความเป็นไปได้อย่างสมเหตุสมผล" ที่มาตรการฉุกเฉินของกระทรวงการคลังจะหมดลงภายในเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐสภามีกำหนดปิดสมัยประชุม เขาเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาสรุปมาตรการดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายในกลางเดือนกรกฎาคม และเตือนว่าหากไม่สามารถปฏิบัติตามกำหนดเวลาได้ รัฐบาลอาจหมดหนทางในการป้องกันการผิดนัดชำระหนี้

   "ผมขอเรียกร้องอย่างนอบน้อมให้รัฐสภาเพิ่มหรือระงับเพดานหนี้ภายในกลางเดือนกรกฎาคม ก่อนถึงกำหนดปิดสมัยประชุม เพื่อปกป้องความน่าเชื่อถือทางการเงินและเครดิตของสหรัฐฯ" เบสเซนต์เขียนในจดหมายที่ส่งถึงไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎร

   "ความล้มเหลวในการระงับหรือเพิ่มเพดานหนี้จะสร้างความหายนะให้กับระบบการเงินของเรา และลดทอนความมั่นคงของอเมริกาและสถานะผู้นำระดับโลก" เขากล่าวเสริม

   เบสเซนต์ยังเตือนว่า "การรอจนถึงนาทีสุดท้ายในการระงับหรือเพิ่มเพดานหนี้" อาจส่ง "ผลกระทบเชิงลบอย่างร้ายแรง" ต่อตลาดการเงิน ภาคธุรกิจ และรัฐบาลกลาง รวมถึงทำลายความเชื่อมั่นของธุรกิจและผู้บริโภค และเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมสำหรับผู้เสียภาษีของสหรัฐฯ

   สำนักงานงบประมาณรัฐสภาได้คาดการณ์ว่ามาตรการฉุกเฉินดังกล่าวจะหมดลงในช่วงเดือนสิงหาคมหรือกันยายน เพดานหนี้ได้รับการปรับเพิ่มสามครั้งในช่วงการดำรงตำแหน่งของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงความเห็นว่าควรยกเลิกเพดานหนี้ทั้งหมด โดยมองว่าเป็นสิ่งไร้ประโยชน์หากมีการปรับเพิ่มเป็นประจำอยู่แล้ว

---

IMCT NEWS

ที่มา https://www.rt.com/business/617364-us-debt-default-august/