ผู้นำยุโรปหนุนเซเลนสกี -รำลึกสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ผู้นำยุโรปหนุนเซเลนสกี - ตบเท้าร่วมงานรำลึกสงครามรัสเซีย-ยูเครน ครบสามปี
25-2-2025
ยูเครนเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดที่ผู้นำยุโรปและอีกหลายประเทศเข้าร่วมในวาระครบรอบสามปีของสงครามกับรัสเซีย อย่างไรก็ตามอนาคตข้างหน้ายังไม่ทราบว่ารัฐบาลเคียฟจะยังคงพึ่งพาสหรัฐฯ ที่เป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญที่สุดได้ต่อไปหรือไม่
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าประธานาธิบดียูเครนโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เป็น “เผด็จการ” ที่ไม่ได้เป็นที่นิยมของประชาชน และว่าเซเลนสกีต้องรีบตกลงให้เกิดสันติภาพ ไม่เช่นนั้นจะสูญเสียประเทศไป
ส่วนผู้นำยูเครนตอบโต้ว่าทรัมป์กำลังอยู่ใน “ฟองอากาศแห่งข้อมูลบิดเบือน”
นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เริ่มการเจรจากับรัสเซียโดยตรงที่ซาอุดีอาระเบียเมื่อสัปดาห์ที่เเล้ว โดยไม่มียูเครนและยุโรปเข้าร่วม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในนโยบายเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน
รัฐบาลกรุงวอชิงตันแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ถ้าเป็นความตกลงสันติภาพ สหรัฐฯ จะไม่ส่งทหารไปเพื่อการันตีความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยูเครนต้องการ ท่าทีดังกล่าวหมายความว่าภาระนี้จะตกเป็นของประเทศมหาอำนาจยุโรป ที่น่าจะเผชิญความยากลำบากหากไม่มีสหรัฐฯ ช่วยเหลือ
เซเลนสกีเคยเสนอต่อประเทศในยุโรปว่าควรสร้างกองทัพของตนเองขึ้นและเรียกร้องให้สหรัฐฯ เน้นผลเชิงปฏิบัติ และในวันศุกร์เขาต่อสายโทรศัพท์นับสิบครั้ง เพื่อคุยกับผู้นำยุโรปเป็นหลักเพื่อที่จะวางแผนสำหรับอนาคต
เซเลนสกีกล่าวที่งานประชุมสุดยอดที่กรุงเคียฟในวาระครบรอบสามปีของสงครามว่า “สามปีหลังจากการเริ่มต้นของปฏิบัติการพิเศษทางทหาร ‘สามวัน’ ของปูติน ยูเครนยังคงมีชีวิตและต่อสู้ต่อไป และประเทศของเรามีเพื่อนเพิ่มขึ้นจากทั่วโลก กว่าที่เคย"
สำหรับผู้เข้าร่วมประชุมสุดยอดครั้งนี้ ประกอบด้วย เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และอันโตนิโอ คอสตา ประธานคณะมนตรียุโรป
นอกจากนั้นยังมีผู้นำจากประเทศแคนาดา เดนมาร์ก ไอซ์แลนด์ ลัตเวีย ลิทัวเนีย ฟินเเลนด์ นอร์เวย์ สเปน สวีเดน
ส่วนผู้นำประเทศที่เข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์ ประกอบด้วยจากแอลเบเนีย อังกฤษ โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก เยอรมนี ญี่ปุ่น มอลโดวา เนเธอร์เเลนด์ โปแแลนด์ สวิตเซอร์เเเลนด์และตุรกี
ไม่มีสัญญาณโดยทันทีว่าสหรัฐฯ ส่งตัวเเทนเข้าร่วมหรือไม่ ตามรายงานของรอยเตอร์
ผู้ร่วมงานที่เดินทางไปยูเครน เเสดงการรำลึกทหารที่เสียชีวิตในสงคราม ด้วยการยืนสงบนิ่ง ที่จตุรัสใจกลางกรุงเคียฟ ที่ประดับด้วยธง
ในเวลาต่อมา มีเสียงไซเรนเตือนการบุกทางอากาศดังขึ้น แต่ไม่ได้เกิดการโจมตีโดยขีปนาวุธเเต่อย่างใด
เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป พร้อมด้วยประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี และนายกรัฐมนตรีเเคนาดา จัสติน ทรูโด
ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวผ่านเเพลตฟอร์ม X ว่า “ในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดนี้ มันไม่ได้เป็นเพียงการอยู่หรือไปของยูเครนเท่านั้น แต่มันเป็นชะตากรรมของยุโรปด้วย”
ประชาชนยูเครนเสียชีวิตไปแล้วหลายพันคน และกว่าหกล้านคนกลายเป็นผู้ลี้ภัยในต่างเเดน ตั้งเเต่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน สั่งให้กองทัพบุกยูเครนทางบก ทางน้ำและทางอากาศ
สงครามครั้งนี้เป็นความขัดเเย้งที่เกิดการเสียชีวิตและเลือดเนื้อครั้งใหญ่ที่สุดตั้งเเต่สงครามโลกครั้งที่สอง
ความสูญเสียที่เกิดกับกองทัพยูเครนไม่ได้ถูกเปิดเผยตัวเลขออกมา แต่ฝ่ายโลกตะวันตกประเมินว่าสงครามทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรวมนับเเสนคนในแต่ละฝ่ายของคู่ขัดเเย้ง
ที่มา: รอยเตอร์//Photo : x.com/front_ukrainian
----------------------------------
'คัลลาส' ชี้สหรัฐฯ ตกเป็นเหยื่อ 'เรื่องเล่าของรัสเซีย'
25-2-2025
คายา คัลลาส หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป กล่าวเมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) ว่าวอชิงตันตกเป็นเหยื่อของ “เรื่องเล่าของรัสเซีย” โดยข้อกล่าวหาดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามล่าสุดของวอชิงตันและมอสโกในการเริ่มคลี่คลายความขัดแย้งกับยูเครน
“หากเราพิจารณาข้อความที่ส่งมาจากสหรัฐฯ ก็จะเห็นได้ชัดว่าเรื่องเล่าของรัสเซียเป็นตัวแทนอย่างชัดเจน” คัลลาสที่เข้ารับตำแหน่งผู้แทนระดับสูงด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของสหภาพยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ แทนที่โจเซป บอร์เรลล์ จากสเปน เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว (2024) กล่าว พร้อมเน้นย้ำว่ากลุ่มประเทศอียูกำลังวางแผนที่จะ “สนับสนุนยูเครนในตอนนี้มากกว่าที่เคย”
คัลลาสเป็นผู้สนับสนุนนโยบายต่างประเทศอย่างแข็งกร้าว โดยขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอสโตเนีย ได้เรียกร้องในปี 2023 ว่า “ต้องหยุดทำธุรกิจกับรัสเซียทั้งหมด” ทำให้คัลลาสต้องเผชิญกับการเรียกร้องให้ลาออก หลังมีการเปิดเผยว่า สามีของเธอถือหุ้นร้อยละ 25 ในบริษัทโลจิสติกส์ที่ให้บริการในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรแห่งนี้
นับตั้งแต่ความขัดแย้งในยูเครนทวีความรุนแรงขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ทั้งสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรหลายรอบเพื่อพยายามแยกรัสเซียออกจากเวทีโลก ซึ่งบทลงโทษหมายรวมถึงการตัดประเทศออกจากระบบการเงินตะวันตก การระงับความสัมพันธ์ทางการค้าและพลังงานเกือบทั้งหมด และการอายัดเงินสำรองต่างประเทศของมอสโก ซึ่งเป็นมาตรการที่เครมลินประณามว่าเป็นการ "ขโมย"
เมื่อวานนี้ (24 ก.พ.) สหภาพยุโรปได้ใช้มาตรการจำกัดที่เกี่ยวข้องกับยูเครนชุดที่ 16 ซึ่งถือเป็นวันครบรอบการเปิดตัวปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียต่อกองกำลังของเคียฟในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 แต่อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนจุดยืนของวอชิงตันเกี่ยวกับยูเครนไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม (2025) โดยทรัมป์อ้างว่า โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการทวีความรุนแรงของความขัดแย้ง
ขณะเดียวกัน รายงานข่าวเปิดเผยว่า ทูตสหรัฐฯ ประจำกลุ่ม G7 และสหประชาชาติ เรียกร้องให้ใช้ถ้อยคำที่ระมัดระวังมากขึ้นในการแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ โดยแนะนำให้ใช้คำว่า “ความขัดแย้งในยูเครน” แทนคำว่า “สงครามรุกรานของรัสเซีย” พร้อมๆ กับที่การประชุมครั้งแรกของเจ้าหน้าที่รัสเซียและสหรัฐฯ ในรอบ 3 ปี เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งการเจรจาดังกล่าวได้จุดชนวนให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ภายในสหภาพยุโรป จากการที่ทำเนียบขาวเปิดการเจรจากับเครมลินอีกครั้งโดยไม่ได้ปรึกษาหารือล่วงหน้า และกีดกันบรัสเซลส์ออกจากการเจรจา
IMCT News
ที่มา https://www.rt.com/news/613229-kallas-us-adopting-russian-narratives/
-----------------------------------
ยูเครน'คือชนวนสงครามยุโรป ตะวันตกรู้แต่ยังผลักดันเข้า NATO
25-2-2025
วิกิลีกส์ได้เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและยุโรปรับทราบถึงความเสี่ยงสูงของความขัดแย้งอันเกิดจากความทะเยอทะยานของเคียฟในการเข้าร่วมนาโต้มาเป็นเวลานาน โดยอ้างอิงจากเอกสารจำนวนมากที่ได้รับมา
องค์กรดังกล่าวเปิดเผยในวิดีโอความยาว 24 นาทีที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์ม X ว่า มอสโกได้เตือนนักการทูตซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า การที่ยูเครนเข้าร่วมกับพันธมิตรที่สหรัฐฯ เป็นผู้นำอาจก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองหรือทำให้ภูมิภาคทั้งหมดขาดเสถียรภาพ ซึ่งจะบังคับให้รัสเซียต้องตัดสินใจในสิ่งที่ "ไม่อยากเผชิญหน้า"
วิกิลีกส์อ้างถึงสายโทรเลขเมื่อกุมภาพันธ์ 2551 จากวิลเลียม เบิร์นส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำมอสโกในขณะนั้น ซึ่งเตือนว่ารัสเซียมองการขยายตัวของนาโต้เป็นภัยคุกคามความมั่นคง: "รัสเซียไม่เพียงรับรู้ถึงการถูกปิดล้อมและความพยายามบ่อนทำลายอิทธิพลในภูมิภาค แต่ยังกลัวผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้และควบคุมไม่ได้ ซึ่งจะกระทบผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของรัสเซียอย่างร้ายแรง"
เอกสารอีกฉบับจากปี 2548 บันทึกการประชุมระหว่างดาเนียล ฟรีด ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการยุโรปและยูเรเซีย กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝรั่งเศส ระบุว่าปารีสกังวลว่าแผนการนำยูเครนเข้านาโต้อาจจุดชนวนความขัดแย้งทางทหารในยุโรป
"หากยังมีสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้เกิดสงครามในยุโรป นั่นก็คือยูเครน" เอกสารระบุโดยอ้างคำพูดของมอริซ กูร์โดต์-มงตาญ ที่ปรึกษาการทูตประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งเตือนว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังรุกล้ำ "เขตผลประโยชน์หลัก" ของรัสเซีย อันอาจนำไปสู่การตอบโต้อย่างรุนแรง
แม้จะมีคำเตือนซ้ำๆ วอชิงตันยังคงผลักดันการเข้าร่วมของยูเครน โดยตั้งใจที่จะ "ดำเนินการผนวกรวมกับตะวันตกและขยายนาโต้อย่างจงใจแต่เงียบๆ" ขณะที่ "ไม่เห็นด้วยกับรัสเซียอย่างหนักแน่น" ตามรายงานกันยายน 2552 ของจอห์น เบียร์ล เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำมอสโกในขณะนั้น
รัสเซียอ้างอย่างต่อเนื่องว่าความปรารถนาของยูเครนที่จะเข้าร่วมนาโต้ และแนวโน้มที่โครงสร้างพื้นฐานทางทหารของกลุ่มจะปรากฏในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของความขัดแย้งปัจจุบัน มอสโกยังเรียกสถานการณ์นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเป็น "สงครามตัวแทน" ต่อต้านรัสเซีย ที่ชาติตะวันตกดำเนินการผ่านยูเครน
---
IMCT NEWS FILE PHOTO. © Global Look Press / Dominika Zarzycka
ที่มา https://www.rt.com/news/613250-nato-push-ukraine-risky-wikileaks/