หนุนสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม BRICS

หนุนสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม BRICS ไม่ใช่ฝักใฝ่รัสเซีย-จีน แต่เป็นการเสริมแกร่งให้อาเซียน
28-2-2025
รมว.พาณิชย์มาเลเซีย หนุนสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม BRICS เพื่อขยายอิทธิพลภูมิภาค เสริมพลังเศรษฐกิจ ต้านการครอบงำจากตะวันตก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมมาเลเซีย ดาตุก ซรี เต็งกู ซาฟรุล เต็งกู อับดุล อาซิส เรียกร้องให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พิจารณาเข้าร่วมกลุ่ม BRICS เพิ่มมากขึ้น โดยระบุว่าการเข้าร่วมดังกล่าวจะช่วยขยายขอบเขตอิทธิพลของอาเซียนให้ก้าวไกลออกไปนอกภูมิภาค
ปัจจุบัน มาเลเซียเป็นประเทศพันธมิตรกับองค์กรความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแบบไม่เป็นทางการของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ 5 ประเทศ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ (BRICS) ซึ่งล่าสุดอินโดนีเซียได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ ทำให้กลุ่มมีการขยายตัวมากขึ้น
ในการกล่าวปิดการประชุมผู้นำเศรษฐกิจอาเซียนที่มีผู้นำธุรกิจจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม ดาตุก ซรี เต็งกู ซาฟรุล เน้นย้ำว่าท่าทีของประเทศอาเซียนที่มีต่อการเข้าร่วมหรือเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม BRICS จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและความยืดหยุ่นของภูมิภาค
"ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างกลุ่ม BRICS และอาเซียนจะเกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายหรือไม่? บางคนอาจโต้แย้งว่ากลุ่ม BRICS ขาดความเป็นเอกภาพที่จำเป็นสำหรับเสถียรภาพระยะยาวหากไม่มีแรงผลักดันในการรวมตัว" รัฐมนตรีกล่าวในการปิดการประชุม
"อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ 50 ปีของอาเซียนเป็นกรณีศึกษาที่เห็นผลจริงว่าความหลากหลายทางการเมืองและเศรษฐกิจสามารถอยู่ร่วมกันได้ ในขณะที่ส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง ดังนั้น การที่มีประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมกลุ่ม BRICS มากขึ้น จะช่วยขยายประสบการณ์เชิงบวกของอาเซียนให้ก้าวไกลออกไปนอกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" เขากล่าวเสริม
ปัจจุบัน มีสมาชิกอาเซียนเพียง 4 ประเทศเท่านั้นที่แสดงความสนใจอย่างจริงจังในการทำงานร่วมกับกลุ่ม BRICS โดยนอกจากมาเลเซียและอินโดนีเซียแล้ว ประเทศไทยและเวียดนามก็เป็น "ประเทศพันธมิตร" ขององค์กรนี้ด้วยเช่นกัน กลุ่ม BRICS ได้รับการส่งเสริมให้เป็นทางเลือกแทนการครอบงำทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตก
มาเลเซีย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้ ได้ผลักดันความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับกลุ่ม BRICS อย่างแข็งขัน โดยนายกรัฐมนตรี ดาตุก ซรี อันวาร์ อิบราฮิม ได้กล่าวว่า การที่มาเลเซียยื่นใบสมัครอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมองค์กรนี้ สะท้อนถึงนโยบายต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดของมาเลเซียที่ยึดถือมาอย่างยาวนาน
ดาตุก ซรี เต็งกู ซาฟรุล กล่าวในวันนี้ว่า ในยุคที่สหรัฐฯ และจีนกำลังแยกตัวออกจากกัน (US-China decoupling) และการถดถอยของโลกาภิวัตน์ (deglobalisation) ความเป็นกลางอย่างเข้มแข็งและการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดของอาเซียนอาจเป็นปัจจัยล้ำค่าเพียงประการเดียวที่จะสามารถ "ช่วยเหลือ" ห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญของโลกได้
"แท้จริงแล้ว นี่อาจเป็นช่วงเวลาทองของอาเซียน และโดยอาศัยตำแหน่งประธานของเรา มาเลเซียจะช่วยขับเคลื่อนโอกาสนี้" วุฒิสมาชิกผู้นี้กล่าว
เต็งกู ซาฟรุล เปิดเผยเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า มาเลเซียกำลังติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิดหลังจากว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้า 100 เปอร์เซ็นต์กับประเทศสมาชิก BRICS หากพวกเขาไม่ให้คำมั่นว่าจะไม่สร้างสกุลเงินใหม่หรือสนับสนุนสกุลเงินอื่นที่จะมาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐ
รัฐมนตรีกล่าวในวันนี้ว่า การเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS ไม่ควรถูกมองว่าเป็นการเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจ
"ผมขอแสดงความเห็นด้วยกับมุมมองของคณะผู้เชี่ยวชาญของเราที่ว่า การเป็นสมาชิกหรือพันธมิตรของกลุ่ม BRICS ไม่ได้หมายความว่าประเทศนั้นกำลังเอนเอียงไปทางรัสเซียและจีน แต่เป็นเรื่องของการป้องกันจุดยืนของตนมากกว่า ผลประโยชน์ร่วมกันของอาเซียนจะต้องมีความสำคัญเหนือกว่าความสัมพันธ์ของประเทศใดประเทศหนึ่งกับมหาอำนาจใดๆ" เขากล่าวสรุป
---
IMCT NEWS