อินโดฯ ไฟเขียว! เปิดทางตุรกีสร้างโดรน-เรือรบในประเทศ

ขอบคุณภาพจาก The Jakarta Post

15-2-2025

    ตุรกีและอินโดนีเซียตกลงยกระดับความร่วมมือในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ระหว่างการเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีเรเจป ตอยยิป เออร์โดกันของตุรกี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (12 ก.พ.) โดยได้ลงนามในข้อตกลงหลายฉบับเพื่อ "ขยายความร่วมมือนอกเหนือจากการจัดซื้อจัดจ้าง" เพื่อ "เสริมสร้างการป้องกันประเทศ เพิ่มความเป็นอิสระทางยุทธศาสตร์ในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ และมีส่วนสนับสนุนสันติภาพและเสถียรภาพของโลก" โดยร่วมมือกับกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย ซึ่งจะทำให้ระบบอากาศยานไร้คนขับ (UAV) หลายระบบจะถูกผลิตในประเทศ รวมถึงระบบ Bayraktar TB3 Medium-Altitute Long-Endurance (MALE) สูงสุด 60 ชุด และระบบ Bayraktar Akinci High-Altitude Long-Endurance (HALE) สูงสุด 9 ชุด

    ตามข้อตกลงระหว่าง Baykar Makina ผู้ผลิตโดรนของตุรกีและ PT Republikorp บริษัทอาวุธเอกชนของอินโดนีเซีย Baykar จะเข้ามามีส่วนสนับสนุนด้านการผลิต การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการฝึกอบรม ในขณะที่ PT Republikorp จะรับรองการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การรับรองผู้เชี่ยวชาญในท้องถิ่น และการบูรณาการเข้ากับระบบนิเวศการป้องกันประเทศของประเทศ

“ความคิดริเริ่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ระยะยาวของอินโดนีเซียในการสร้างอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีการแข่งขัน และพร้อมสำหรับอนาคต ซึ่งสามารถรับมือกับความท้าทายระดับโลกที่เกิดขึ้นใหม่ได้” แถลงการณ์ร่วมจากทั้งสองบริษัทระบุ โดย “ความร่วมมือนี้จะไม่เพียงแต่เพิ่มอำนาจในการป้องกันประเทศเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสสำหรับนวัตกรรม การวิจัย และการพัฒนาเทคโนโลยี UAV ในอินโดนีเซีย ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคส่วนการบินและอวกาศของอินโดนีเซียในระดับภูมิภาคอีกด้วย”

    ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว (2024) กองทัพอินโดนีเซีย (TNI) สนใจที่จะซื้อโดรนที่ผลิตในตุรกีเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับปรุงกองทัพ โดยอดีตประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของระบบอาวุธไร้คนขับระหว่างการเยือนสถาบันการทหารในเมืองมาเกลัง จังหวัดชวาตอนกลาง ร่วมกับปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีกลาโหมในขณะนั้น และประธานาธิบดีคนปัจจุบัน

    โดรน Baykatar MALE สามารถบินได้ในระดับความสูง 3,000 ถึง 9,000 เมตร ในขณะที่โดรน Akinci HALE สามารถบินได้ในระดับความสูงเกิน 11,000 เมตร

    สำหรับข้อตกลงดังกล่าวก็ได้รับการลงนามระหว่างการเยือนพระราชวังโบกอร์ของเออร์โดกันในชวาตะวันตกเมื่อวันพุธ (12 ก.พ.) เพื่อจัดการประชุมทวิภาคีกับปราโบโว ซึ่งถือเป็นการครบรอบ 75 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ

    การเยือนของเออร์โดกันยังทำให้เกิดข้อตกลงอีกข้อหนึ่งระหว่างบริษัทก่อสร้างของรัฐ PT PAL Indonesia และ TAIS Gemi Insa ve Teknoloji (TAIS Shipyard) สำหรับการสร้างเรือรบฟริเกตอิสตันบูลคลาส 2 ลำ ซึ่งเป็นเรือรบสเตลท์ประเภทหนึ่งที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติการต่อต้านผิวน้ำ ต่อต้านอากาศยาน และต่อต้านเรือดำน้ำ

     ในแถลงการณ์ร่วมที่เผยแพร่โดยปราโบโวและเออร์โดกันหลังการประชุมเมื่อวันพุธ (12 ก.พ.) ผู้นำทั้งสองยังตกลงที่จะพัฒนาแผนงานเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในอนาคต รวมถึงการจัดตั้งบริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศหลักของตุรกีในอินโดนีเซีย ตลอดจนการประชุม 2+2 เป็นประจำระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ

“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศว่าการเยือนของประธานาธิบดีเออร์โดกันมีประสิทธิผลเป็นอย่างยิ่ง นับเป็นบทใหม่แห่งความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ของเรา” ปราโบโวกล่าว

     ในบันทึกเดียวกันของการจัดหาอาวุธ การเยือนอินโดนีเซียของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ในเดือนพฤษภาคม (2025) ก็เป็นที่คาดว่าจะต้อนรับข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศบางส่วนเข้ามาในประเทศ เนื่องจากประเทศนี้ต้องการบรรลุเป้าหมายกองกำลังขั้นต่ำที่จำเป็น (MEF)

    ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสารและดิจิทัล เมอตยา ฮาฟิด ยืนยันว่า มาครงจะพบกับปราโบโวในช่วงเดือนพฤษภาคม (2025) โดยคาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ "รวมถึงเศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ การป้องกันประเทศ และพลังงานสีเขียว"

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียจับตาดูเครื่องบินขับไล่ Rafale ที่ผลิตในฝรั่งเศส ควบคู่ไปกับการพัฒนาร่วมกันระหว่าง PT PAL Indonesia และ Naval Group บริษัทป้องกันประเทศทางเรือของฝรั่งเศส ในการสร้างเรือดำน้ำ Scorpene สองลำในประเทศ

IMCT News

ที่มา https://asianews.network/indonesia-turkiye-greenlight-drone-warship-construction-in-archipelago/