.

สหรัฐฯ ปรับยุทธศาสตร์ใหญ่! ทิ้งบทบาทผู้พิทักษ์ EU-NATO เน้นรับมือจีน-ปกป้องมาตุภูมิ
14-2-2025
The Guardian รายงานว่า พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศชัดเจนในการประชุมที่กรุงบรัสเซลส์ว่า "ความเป็นจริงเชิงยุทธศาสตร์" ทำให้สหรัฐฯ ไม่สามารถมุ่งเน้นความมั่นคงของยุโรปเป็นหลักได้อีกต่อไป เนื่องจากต้องรับมือกับภัยคุกคามต่อมาตุภูมิและความมั่นคงชายแดน
"เรายังเผชิญกับคู่แข่งระดับเดียวกันอย่างจีนคอมมิวนิสต์ ที่สามารถคุกคามแผ่นดินใหญ่ของอเมริกาและผลประโยชน์หลักของชาติในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก" เฮกเซธกล่าว พร้อมระบุว่าสหรัฐฯ กำลังให้ความสำคัญกับการยับยั้งสงครามกับจีนในแปซิฟิก โดยตระหนักถึงข้อจำกัดด้านทรัพยากรและความจำเป็นในการจัดสรรใหม่เพื่อให้การยับยั้งประสบความสำเร็จ
"ขณะที่สหรัฐฯ หันความสนใจไปยังภัยคุกคามเหล่านี้ พันธมิตรในยุโรปต้องเป็นผู้นำแถวหน้า" รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ย้ำ โดยเฉพาะในประเด็นยูเครน ที่ยุโรปต้องเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือทางทหารทั้งที่เป็นอาวุธและไม่ใช่อาวุธในสัดส่วนที่มากขึ้น แม้สหรัฐฯ จะไม่ได้ระบุว่าจะยุติความช่วยเหลือทั้งหมด
เฮกเซธยังย้ำจุดยืนของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า การยุติการสู้รบและบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนในยูเครนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด โดยเคียฟต้องยอมรับว่าไม่สามารถยึดดินแดนที่รัสเซียครอบครองทั้งหมดกลับคืนได้ "เราต้องเริ่มจากการยอมรับว่าการกลับสู่พรมแดนก่อนปี 2014 เป็นเป้าหมายที่ไม่สมจริง การไล่ตามเป้าหมายลวงตาจะยิ่งยืดเยื้อสงครามและเพิ่มความทุกข์ยาก"
แม้เคียฟจะสามารถบรรลุสันติภาพได้ด้วย "การรับประกันความมั่นคงที่แข็งแกร่ง" แต่เฮกเซธตัดความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะเข้าร่วมนาโต้ โดยระบุว่าสันติภาพต้องได้รับการรักษาโดย "กองกำลังที่มีขีดความสามารถจากยุโรปและนอกยุโรป" ซึ่งจะไม่รวมกำลังจากสหรัฐฯ
ที่สำคัญ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยังเน้นว่า กองกำลังอังกฤษหรือยุโรปที่อาจถูกส่งไปประจำการในยูเครนจะไม่ได้รับความคุ้มครองภายใต้ภารกิจนาโต้หรือมาตรา 5 ของพันธมิตร ซึ่งหมายความว่าจะต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากประเทศที่เข้าร่วมเท่านั้น
แม้เฮกเซธจะวางกรอบเพื่อบรรลุสันติภาพในยูเครน แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าจะมีความคืบหน้าทางการทูตที่จริงจัง เนื่องจากรัสเซียซึ่งกำลังได้เปรียบในสนามรบ ยังคงกดดันให้ยูเครนยอมเสียดินแดนเพิ่มเติมและปลดอาวุธอย่างมีประสิทธิผลเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลง
นอกจากนี้ เฮกเซธยังเรียกร้องให้พันธมิตรนาโต้เพิ่มงบประมาณการป้องกันประเทศเป็น 5% ของ GDP พร้อมชื่นชมโปแลนด์ที่ทำได้ตามเป้าหมายนี้ ซึ่งหากสหราชอาณาจักรต้องทำตาม จะต้องเพิ่มงบประมาณเป็นสองเท่าจากปัจจุบันที่อยู่ที่ 2.33% ของ GDP
การประกาศจุดยืนครั้งนี้ของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ มีขึ้นหนึ่งวันก่อนการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีกลาโหมนาโต้ครั้งแรกของเขา โดยถ้อยแถลงมีการปรับให้นุ่มนวลลงจากร่างที่ให้สื่อมวลชนก่อนหน้า ซึ่งระบุว่าสหรัฐฯ "ไม่ใช่ผู้ค้ำประกันหลักด้านความมั่นคงในยุโรป" อีกต่อไป อันอาจบ่งชี้ถึงการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญของพันธมิตรนาโต้ที่มีอายุ 75 ปี ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อปกป้องยุโรปตะวันตกจากกลุ่มโซเวียต
---
IMCT NEWS // Photo : tass.com