จีนเตือนฟิลิปปินส์อย่า"ทำลายตัวเอง"

จีนเตือนฟิลิปปินส์อย่า"ทำลายตัวเอง" เป็นเครื่องจักรสงครามให้สหรัฐฯ หลังวางแผนติดตั้ง Typhon ประจำการ ทำลายเสถียรภาพภูมิภาค
28-6-2025
มีรายงานข่าวจาก SCMP ว่า กระทรวงกลาโหมของจีนได้เตือนฟิลิปปินส์ถึง "หายนะที่เกิดจากการกระทำของตนเอง" จากการเป็นเจ้าภาพติดตั้งระบบขีปนาวุธของสหรัฐฯ และประณามแผนของมะนิลาที่ส่งเสริมให้ชาวประมงเข้าไปทำประมงในน่านน้ำทะเลจีนใต้ที่เป็นข้อพิพาท ขณะเดียวกัน สถานทูตจีนในกรุงมะนิลาได้ปัดตกข้อกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ทหารฟิลิปปินส์เรื่องการลักลอบค้ายาเสพติดว่าเป็น "การใส่ร้ายที่ไม่มีมูลความจริง"
มีรายงานว่า สหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจที่จะติดตั้งระบบขีปนาวุธเชิงยุทธศาสตร์ Typhon เพิ่มเติมในฟิลิปปินส์ หลังจากที่ได้ขนส่งเครื่องยิงขีปนาวุธพิสัยกลางไปยังเกาะลูซอน (Luzon) เมื่อปีที่แล้ว กองทัพฟิลิปปินส์ยังกล่าวว่า ขีปนาวุธต่อต้านเรือ US Navy-Marine Expeditionary Ship Interdiction System (NMESIS) ซึ่งถูกนำมาใช้ในการซ้อมรบร่วม Balikatan เมื่อเดือนที่แล้ว จะยังคงอยู่ในพื้นที่เพื่อเป็น "การป้องปรามการบีบบังคับ"
นายจาง เสี่ยว กัง (Zhang Xiaogang) โฆษกกระทรวงกลาโหมจีน กล่าวที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การที่มะนิลานำอาวุธยุทธศาสตร์เหล่านี้เข้ามานั้น เป็นการ "ผูกมัดตนเองเข้ากับกลไกสงครามของสหรัฐฯ" ซึ่งจะบ่อนทำลายความมั่นคงและเสถียรภาพของภูมิภาค และทำลายผลประโยชน์ร่วมกันของชาติในภูมิภาค นายจางระบุว่า "การเชื้อเชิญหมาป่าเข้าบ้านจะย้อนกลับมาทำร้ายตนเอง นำไปสู่การทำลายล้างตนเอง พวกเขาจะทำลายบ้านของตนเอง"
ระบบขีปนาวุธ Typhon หรือที่รู้จักกันในชื่อเครื่องยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง (Mid-Range Capability - MRC) สามารถยิงขีปนาวุธร่อนโจมตีภาคพื้นดิน Tomahawk และขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศ SM-6 โดยมีพิสัยทำการไกลถึง 2,000 กิโลเมตร (1,240 ไมล์) ซึ่งครอบคลุมเกือบทั้งทะเลจีนใต้ รวมถึงเกาะไต้หวัน และแม้กระทั่งบางส่วนของแผ่นดินใหญ่จีน จากตำแหน่งที่ตั้งทางตอนเหนือของเกาะลูซอน นอกจากนี้ ระบบ NMESIS ซึ่งเป็นเครื่องยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือภาคพื้นดินแบบเคลื่อนที่ ได้ถูกติดตั้งในเดือนเมษายนที่หมู่เกาะบาตาเนส (Batanes) ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่อยู่เหนือสุดของฟิลิปปินส์ ห่างจากไต้หวันเพียง 190 กิโลเมตร
นายจางยังประณามโครงการ "ชาวประมงฮีโร่ใหม่" (New Hero-Fisherfolk) ล่าสุดของมะนิลา ที่ส่งเสริมให้ชาวประมงฟิลิปปินส์เข้าไปทำประมงในน่านน้ำทะเลจีนใต้ที่เป็นข้อพิพาท โดยอ้างว่าโครงการนี้มีเจตนาที่จะ "ใช้กิจกรรมการประมงเป็นข้ออ้างเพื่อละเมิดอำนาจอธิปไตยของจีนและยั่วยุ" นายจางกล่าวเสริมว่า "ฝ่ายจีนจะเสริมสร้างการควบคุมการบริหารจัดการน่านน้ำที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายและข้อบังคับ และจะปกป้องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนและสิทธิและผลประโยชน์ทางทะเลของตนอย่างมั่นคง"
ปักกิ่งอ้างสิทธิ์เหนือน่านน้ำทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด และได้สร้างฐานทัพทหารบนเกาะเทียมในน่านน้ำยุทธศาสตร์แห่งนี้ ซึ่งเป็นเส้นทางที่การค้าโลกประมาณหนึ่งในสามผ่านไปมา ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไน ล้วนมีข้อเรียกร้องทับซ้อนกันในพื้นที่นี้ ความตึงเครียดระหว่างจีนและฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญาของสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสองปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากการปะทะกันเรื่องการประมงแล้ว หน่วยยามฝั่งและกองทัพเรือของทั้งสองประเทศยังได้เผชิญหน้ากันหลายครั้งเหนือแนวปะการังหลายแห่งในพื้นที่
ในแถลงการณ์แยกต่างหาก สถานทูตจีนได้ประณามคำกล่าวอ้างของรอย ตรินิแดด (Roy Trinidad) โฆษกกองทัพเรือฟิลิปปินส์ ที่ระบุว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบค้ายาเสพติดทางทะเล เพื่อ "ทำลายคนรุ่นอนาคตของชาวฟิลิปปินส์" สถานทูตกล่าวว่า "จีนมีความมุ่งมั่นและนโยบายที่เข้มงวดที่สุดในการต่อต้านยาเสพติด และเรามีประวัติการปราบปรามยาเสพติดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก" พร้อมเสริมว่า "เราขอคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงและเป็นอันตราย ซึ่งสร้างขึ้นโดยบุคคลบางคนในกองทัพฟิลิปปินส์ โดยมีเจตนาที่จะสร้างความเสื่อมเสียแก่จีน"
เพื่อตอบโต้ความคิดเห็นล่าสุดของกิลเบร์โต เตโอโดโร จูเนียร์ (Gilberto Teodoro Jnr) รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ ที่ระบุว่าจีนจำเป็นต้องเอาชนะ "การขาดความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือ" สถานทูตจีนกล่าวว่า บุคคลบางคนในกองทัพฟิลิปปินส์กำลัง "ทำหน้าที่เป็นเบี้ยหมากในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ" ปั่นป่วนประเด็นทางทะเล และยั่วยุรวมถึงทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้น สถานทูตยังระบุทิ้งท้ายว่า "คำพูดและการกระทำเช่นนี้ ไม่เพียงไม่ช่วยแก้ปัญหา แต่กลับกลายเป็นต้นตอของการขาดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหา"
---
IMCT NEWS
ที่มา https://sc.mp/47h53?utm_source=copy-link&utm_campaign=3316002&utm_medium=share_widget