เผยมุมมอง ING - YLG การฟื้นตัวของ 'ดอลลาร์'

เผยมุมมอง ING - YLG การฟื้นตัวของ 'ดอลลาร์' หลังสหรัฐฯ โจมตีอิหร่าน จะยืนหยัดต่อได้นานแค่ไหน?
24-6-2025
Euronews นำสเนอบทวิเคราะห์โดยมีรายละเอียดว่า ดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ หลังความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยังคงอยู่ หลังสหรัฐฯ โจมตีเป้าหมายนิวเคลียร์ของอิหร่านในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) เพิ่มขึ้น 0.61% สู่ระดับ 99.31 ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน
แม้จะมีการฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ดอลลาร์ยังคงต่ำกว่าระดับต้นปีถึงเกือบ 9% เนื่องจากผลกระทบจากนโยบายที่ไม่แน่นอนของรัฐบาลทรัมป์ (Donald Trump) ในช่วงที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าการโจมตีครั้งนี้สร้าง “ความเสียหายอย่างมหาศาล” ขณะที่เจ้าหน้าที่อิหร่านบางรายลดทอนความรุนแรงของผลกระทบ ขณะที่องค์การพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้อย่างชัดเจน
อิสราเอลยังคงดำเนินการโจมตีอิหร่านต่อเนื่อง ขณะที่เตหะรานประกาศว่าจะ “ไม่ยอมจำนนต่อการข่มขู่และการกดขี่” จากต่างชาติ หลายประเทศเตือนอิหร่านไม่ให้ปิดช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) เส้นทางเดินเรือสำคัญที่รับผิดชอบการขนส่งน้ำมันและก๊าซราว 20% ของโลก
นักเศรษฐศาสตร์ของ ING ระบุว่า “ในช่วงเช้าของวันนี้ ดอลลาร์ฟื้นตัวตามที่คาดไว้ การแสดงกำลังทางทหารของสหรัฐฯ รวมถึงความกลัวราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้ยูโรอ่อนค่าลง”
ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะกระตุ้นเงินเฟ้อและทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้ในเร็วๆ นี้ แม้จะเป็นข่าวร้ายสำหรับผู้บริโภคสหรัฐฯ แต่ก็ทำให้ดอลลาร์น่าสนใจในสายตานักลงทุนมากขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์ ING ยังชี้ว่า “คำถามสำคัญคือ การมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ในความขัดแย้งนี้จะช่วยฟื้นฟูสถานะดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยหรือไม่ โดยปัจจัยสำคัญคือระยะเวลาของการปิดล้อมช่องแคบฮอร์มุซ หากการปิดล้อมยาวนานขึ้น โอกาสที่สกุลเงินปลอดภัยอื่นๆ เช่น ยูโรและเยน จะอ่อนค่าลง และดอลลาร์จะฟื้นตัวได้ดีขึ้นก็สูงตามไปด้วย”
ดอลลาร์ประสบปัญหาความเชื่อมั่นในปีนี้ เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน รวมถึงการขาดดุลสูง การตัดลดงบประมาณอย่างกะทันหัน การถอนตัวจากสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และความไม่แน่นอนในเรื่องกฎระเบียบทางการเงิน
เกรก เฮิร์ต (Greg Hirt) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุนของ Allianz Global Investors กล่าวว่า “ปัญหาเชิงโครงสร้างเกี่ยวกับการขาดดุลคู่และนโยบายการจัดการภาษีที่ผันผวนของรัฐบาลทรัมป์จะยังคงกดดันดอลลาร์ที่ถูกประเมินค่าสูงเกินไป”
อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่า “ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในระยะสั้นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนและยุโรปมากกว่าสหรัฐฯ เพราะพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันมากกว่า”
ไรอัน สวีท (Ryan Sweet) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ของ Oxford Economics เห็นด้วย โดยระบุว่า “เศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นประเทศที่พึ่งพาพลังงานตนเองมาก ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น ต้องนำเข้าน้ำมันส่วนใหญ่จากตะวันออกกลาง”
สวีทกล่าวกับ Euronews ว่า การเพิ่มขึ้นของดอลลาร์เป็นเรื่องดีแต่ยังไม่แรงนัก เพราะตลาดเงินยังอยู่ในโหมดรอดูสถานการณ์
นอกจากนี้ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเส้นตายการพักเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) ของรัฐบาลทรัมป์ ที่จะหมดอายุในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้
### บริบทช่องแคบฮอร์มุซและผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ช่องแคบฮอร์มุซ เป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีปริมาณน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ผ่านมากถึง 20% ของการบริโภคทั่วโลก และ 30% ของน้ำมันดิบทางทะเลทั้งหมด
การปิดล้อมช่องแคบนี้โดยอิหร่านจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อราคาน้ำมันโลก ราคาน้ำมันอาจพุ่งทะลุ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรป
ประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากช่องแคบฮอร์มุซมากที่สุด ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งอาจเผชิญกับเงินเฟ้อสูงขึ้นและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นตามมา
การปิดล้อมยังทำให้ตลาดการเดินเรือและประกันภัยเกิดความปั่นป่วน บริษัทเดินเรืออาจหลีกเลี่ยงเส้นทางนี้ ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นทั่วโลก
ในระยะยาว เหตุการณ์นี้จะเร่งให้ประเทศต่างๆ หันมาหาแหล่งพลังงานทางเลือก เช่น การลงทุนในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และพลังงานหมุนเวียน รวมถึงการขยายท่าเรือ LNG และการเพิ่มความจุในการเก็บพลังงาน
------
IMCT NEWS
ที่มา https://www.euronews.com/business/2025/06/23/the-dollar-sees-a-rebound-after-us-strikes-iran-but-can-it-continue