.

จีนเผยรายละเอียดขีปนาวุธนิวเคลียร์ DF-5 ครั้งแรก ระบุทำลายล้างได้ 200 เท่าระเบิดฮิโรชิมา ส่งสัญญาณมีอาวุธทรงพลังกว่าที่โลกรู้
5-6-2025
สถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐบาลจีน ได้เปิดเผยข้อมูลจำเพาะทางเทคนิคสำคัญของอาวุธนิวเคลียร์ในประเทศเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะขีปนาวุธข้ามทวีป DF-5 ซึ่งถือเป็นการเปิดเผยข้อมูลที่หาได้ยากในอดีต ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยังคงรักษานโยบาย "ไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ก่อน" และยืนยันว่าจะไม่ใช้อาวุธเหล่านี้ต่อประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์เป็นอันดับแรก
การเปิดเผยครั้งนี้ถือเป็นการผิดแผกจากนโยบายความลับสูงของโครงการนิวเคลียร์จีน ซึ่งโดยปกติจะไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับขีดความสามารถและการใช้งานขีปนาวุธเฉพาะ สาเหตุที่เลือกเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ DF-5 ในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน
การออกอากาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้ละทิ้งการใช้ภาษาคลุมเครือตามเคย โดยเปิดเผยว่าขีปนาวุธสองขั้นตอนที่ขนานนามว่า "ขีปนาวุธข้ามทวีปเชิงยุทธศาสตร์รุ่นแรก" ของจีนสามารถส่งหัวรบนิวเคลียร์ลูกเดียวที่มีกำลังระเบิดเทียบเท่าทีเอ็นที 3 ถึง 4 เมกะตัน
ขีปนาวุธดังกล่าวมีพิสัยการยิงสูงสุด 12,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 7,460 ไมล์ ซึ่งเพียงพอสำหรับการโจมตีดินแดนหลักของสหรัฐอเมริกาและยุโรปตะวันตก ความแม่นยำของขีปนาวุธอยู่ในระยะ 500 เมตร หรือ 1,600 ฟุต ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญตามหลักคำสอนทางทหารสมัยใหม่
ข้อมูลทางกายภาพระบุว่าขีปนาวุธมีความยาว 32.6 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 3.35 เมตร และน้ำหนักขณะปล่อย 183 ตัน กำลังระเบิดของหัวรบที่สูงสุด 4 เมกะตันนั้นมากกว่าระเบิดปรมาณูที่สหรัฐอเมริกาทิ้งลงบนเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองถึง 200 เท่า
ซ่ง จงผิง อดีตผู้สอนในกองทัพปลดแอกประชาชน ให้ความเห็นว่าขีปนาวุธที่พัฒนาขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1970 และเข้าประจำการในปี 1981 นี้มีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์การยับยั้งทางนิวเคลียร์ของจีน ซ่งกล่าวว่า "หากไม่มี DF-5 จีนจะไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีขีดความสามารถในการโจมตีข้ามทวีปอย่างน่าเชื่อถือ ขีปนาวุธนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับจีนให้เป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ และแสดงให้โลกเห็นว่าจีนต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง"
นักวิเคราะห์รายนี้มองว่าการเปิดเผยดังกล่าวส่งสัญญาณถึงการเตรียมเปิดตัวขีปนาวุธรุ่นใหม่ที่ใช้ระบบไซโลขั้นสูงในอนาคตอันใกล้นี้ โดยกล่าวเสริมว่า "สิ่งที่เรากำลังเห็นคือการยุติการใช้งานระบบเก่าที่ทำหน้าที่ครบตามวัตถุประสงค์แล้ว ข้อความที่ส่งออกมาชัดเจน คือ จีนมีขีดความสามารถที่ทรงพลังกว่ามากแต่ยังไม่ได้เปิดเผยให้โลกได้เห็น"
แม้จะมีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง จีนยังคงยึดมั่นในหลักการ "ไม่ใช้ก่อน" ตลอด 60 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ทดสอบระเบิดปรมาณูลูกแรก เมื่อเปรียบเทียบกับสหรัฐอเมริกา ขีปนาวุธภาคพื้นดินหลักของประเทศคือ Minuteman III ซึ่งเข้าประจำการครั้งแรกในปี 1970 และบรรจุหัวรบนิวเคลียร์เพียงลูกเดียว ในขณะที่จีนได้ปรับปรุงคลังอาวุธอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมี DF-5 รุ่นปรับปรุงที่สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์หลายลูก รวมถึงระบบเคลื่อนที่ที่ทันสมัยกว่า อาทิ DF-31 และ DF-41
ในปีที่ผ่านมา จีนได้ทำการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปที่ได้รับการยอมรับเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสี่ทศวรรษ โดยยิงหัวรบจำลองลงในมหาสมุทรแปซิฟิก นักวิเคราะห์คาดว่าขีปนาวุธที่ใช้ในการทดสอบดังกล่าวน่าจะเป็น DF-31 รุ่นปรับปรุง
กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาประเมินเมื่อปีที่แล้วว่าจีนมีหัวรบนิวเคลียร์ที่พร้อมใช้งานมากกว่า 600 หัว และคาดการณ์ว่าจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นเกิน 1,000 หัวภายในปี 2030 นอกจากนี้ยังประมาณการว่าจีนมีไซโลขีปนาวุธ 320 แห่งกระจายอยู่ในสามพื้นที่สำคัญ หลังจากการสร้างสถานที่ติดตั้งใหม่และปรับปรุงโครงสร้างเดิม
---
IMCT NEWS
ที่มา https://sc.mp/m1x7j?utm_source=copy-link&utm_campaign=3313066&utm_medium=share_widget
Photo: Handout