จุดพลิกดุลอำนาจในภูมิภาค! จีนจะก้าวขึ้นแทนที่สหรัฐฯ ในแปซิฟิกได้หรือไม่?

10-2-2025

     นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจีนจะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในภูมิภาคแปซิฟิก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารระงับการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศผ่าน USAID เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลกระทบต่อโครงการมูลค่ากว่า 60,000 ล้านดอลลาร์สำหรับประเทศที่เปราะบางที่สุดในโลก

   ฮิเดยูกิ ชิโอซาวะ ผู้อำนวยการฝ่ายประเทศเกาะของมูลนิธิสันติภาพซาซากาวะในญี่ปุ่น ระบุว่า จีนมีโอกาสเพิ่มบทบาทในภูมิภาคผ่านโครงการด้านเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ด้านความมั่นคงอาจเป็นไปได้ยาก เนื่องจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในสภาคองเกรสมีจุดยืนตรงกันในการต่อต้านอิทธิพลจีน

    Solstice Middleby อดีตนักการทูตออสเตรเลียประจำแปซิฟิกและนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Adelaide ชี้ว่า จีนมีข้อได้เปรียบเหนือชาติตะวันตกในฐานะ "พันธมิตรที่คาดเดาได้มากกว่าและมีกลยุทธ์มากกว่า" เนื่องจากนโยบายของจีนไม่เปลี่ยนแปลงไปตามวัฏจักรการเลือกตั้ง ต่างจากความช่วยเหลือของตะวันตกที่มักถูกการเมืองแทรกแซงและขาดความต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม โมเสส ซาไก นักวิจัยจากสถาบันวิจัยแห่งชาติปาปัวนิวกินี มองว่าแม้ประเทศในภูมิภาคจะติดต่อกับจีนมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะละทิ้งความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ โดยทั้งสองประเทศยังคงเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาที่สำคัญของหมู่เกาะแปซิฟิก

    ด้าน Kalinga Seneviratne นักวิชาการด้านสื่อและภูมิรัฐศาสตร์ มองในแง่บวกต่อการระงับ USAID โดยระบุว่าความช่วยเหลือส่วนใหญ่ถูกใช้เพื่อแทรกแซงการเมืองภายในประเทศต่างๆ เช่น การสนับสนุนการประท้วงในไทยและบังกลาเทศ การตัดงบประมาณจึงอาจช่วยลดความวุ่นวายในประเทศกำลังพัฒนา

ความช่วยเหลือที่ถูกระงับนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภูมิภาคแปซิฟิก ซึ่งกำลังเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งการเสื่อมโทรมของแนวปะการัง ภัยพิบัติธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น ซึ่งกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ โครงสร้างพื้นฐาน และวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวเกาะ

---

IMCT NEWS

ที่มา https://www.scmp.com/week-asia/politics/article/3297838/can-china-fill-us-sized-void-pacific-after-trumps-foreign-aid-freeze?module=top_story&pgtype=homepage