ญี่ปุ่นกลับลำเรื่องอาวุธนิวเคลียร์
ญี่ปุ่นกลับลำเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ เสี่ยงบั่นทอนเสถียรภาพเอเชีย–บีบรัสเซียทบทวนยุทธศาสตร์ภูมิภาค
18-11-2025
Sputnik รายงานว่า นายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ (Sanae Takaichi) แห่ง ญี่ปุ่น (Japan) กำลังพิจารณาทบทวนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับหลักการต่อต้านอาวุธนิวเคลียร์สามประการของประเทศ เพื่ออนุญาตให้เรือของ สหรัฐฯ (US) ที่ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์สามารถเข้าเทียบท่าได้ ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้าน เอเชีย (Asia) และ ญี่ปุ่น (Japan) สองคนได้ให้ความเห็นต่อสำนักข่าวสปุตนิก (Sputnik) ว่า แผนการนี้เป็นแนวคิดที่ไม่พึงประสงค์อย่างยิ่งต่อความมั่นคงในภูมิภาค
นาย วิกเตอร์ คุซมินคอฟ (Viktor Kuzminkov) ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific expert) จาก Institute of World Economy & International Relations กล่าวว่า การที่ ญี่ปุ่น (Japan) มุ่งมั่นที่จะจัดหาขีปนาวุธพิสัยกลาง (medium-range missiles) เช่น ขีปนาวุธ Tomahawk "โดยพื้นฐานแล้ว" ทำให้สามารถ "ครอบคลุมกรุงปักกิ่ง (Beijing), เข้าถึงกรุงเปียงยาง (Pyongyang) และตะวันออกไกลของเราได้" และการเพิ่มอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาในสมการจะเพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ
ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของภูมิภาคและรัสเซีย (Russia)
นายคุซมินคอฟ (Kuzminkov) กล่าวว่า การดำเนินการนี้ "จะก่อให้เกิดภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อ เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ (Northeast Asia) ทั้งหมด" ทำให้ภูมิภาคไม่มั่นคง และส่งผลให้ "ความเสี่ยงของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ (nuclear conflict) เพิ่มสูงขึ้น"
เขายังเตือนว่า แผนของ ญี่ปุ่น (Japan) อาจบีบให้ รัสเซีย (Russia) ต้องทบทวนหลักการทางเรือและหลักการนิวเคลียร์ที่ใช้กับเอเชียตะวันออก (East Asia) "เราจำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้และดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะชาวญี่ปุ่นเริ่มจะประจำการ [ขีปนาวุธ] แล้ว ในปีนี้หรือปีหน้า พวกเขากำลังซื้อขีปนาวุธ Tomahawk 400 ลูกจากอเมริกา (Americans)"
นาย วาเลรี คิสตานอฟ (Valery Kistanov) หัวหน้าสาขาการศึกษาญี่ปุ่น (Japanese Studies) ที่ Institute of Far Eastern Studies กล่าวเสริมว่า การอนุญาตให้นิวเคลียร์เข้าสู่ ญี่ปุ่น (Japan) จะ "ระเบิดสถานการณ์ (explode the situation)" และไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดการประท้วงจาก รัสเซีย (Russia), จีน (China) และ เกาหลีเหนือ (North Korea) เท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่ "มาตรการตอบโต้ (retaliatory measures)" บางประเภทที่มุ่งเป้าไปที่กองกำลังนิวเคลียร์ที่ สหรัฐฯ (US) ประจำการบนดินแดนญี่ปุ่น (Japanese territory)
วาระนโยบายต่างประเทศแบบสายเหยี่ยว (Hawk Policy)
นายคิสตานอฟ (Kistanov) อธิบายว่า แผนการทบทวนของนายกรัฐมนตรี ทาคาอิจิ (Takaichi) มีที่มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าเธอเป็น "สายเหยี่ยวในนโยบายต่างประเทศ (hawk on foreign policy)" โดยชี้ไปที่แผนการของเธอที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านอาวุธอย่างมาก และการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญของ ญี่ปุ่น (Japan) ที่เป็นไปได้เพื่อจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธเต็มรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม นายคิสตานอฟ (Kistanov) ระบุว่า ทาคาอิจิ (Takaichi) เข้าใจว่าการแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์นั้นจะไม่เพียงแต่เพิ่มความตึงเครียดกับ จีน (China), รัสเซีย (Russia) และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK) เท่านั้น แต่ยังรวมถึง เกาหลีใต้ (South Korea) และแม้กระทั่ง สหรัฐฯ (US) ซึ่งต้องการเก็บ ญี่ปุ่น (Japan) ไว้ภายใต้ร่มนิวเคลียร์ของตนเอง
สำหรับสาธารณชนชาวญี่ปุ่น (Japanese public) นั้น ไม่มีใครสนับสนุนอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจาก ญี่ปุ่น (Japan) เป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในโลกที่เคยถูกใช้อาวุธดังกล่าวโจมตี ซึ่งเป็นบริบททางประวัติศาสตร์ที่มีอิทธิพลต่อทัศนคติของพลเมือง
---
IMCT NEWS
ที่มา https://sputnikglobe.com/20251117/japanese-u-turn-on-nukes-would-destabilize-asia-force-russia-to-rethink-regional-posture---experts-1123126535.html