อินโดนีเซียติดตั้งขีปนาวุธครั้งแรกในอาเซียนใต้

อินโดนีเซียติดตั้งขีปนาวุธครั้งแรกในอาเซียนใต้ เสริมอำนาจต่อรองจีน-สหรัฐฯ
12-8-2025
CNA รายงานว่า อินโดนีเซียติดตั้งระบบขีปนาวุธ "KHAN" ครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การติดตั้งระบบขีปนาวุธพิสัยใกล้ KHAN ที่ผลิตโดยตุรกี (Turkiye) ในจังหวัดกาลิมันตันตะวันออก (East Kalimantan) ของอินโดนีเซีย ถือเป็นก้าวย่างสำคัญที่ "มีนัยสำคัญ" ต่อการเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจในภูมิภาค โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่านี่เป็นการส่งสัญญาณถึงการปรับเปลี่ยนท่าทีจากเดิมที่เน้นการป้องกันประเทศเป็นหลัก สู่ยุทธศาสตร์ที่แข็งกร้าวและพร้อมรุกมากขึ้น
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่ยังคงคุกรุ่นในทะเลจีนใต้ และมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตาไปยังเมืองนูซันตารา (Nusantara) หรือ IKN
อินโดนีเซียได้เริ่มประจำการระบบขีปนาวุธบอลิสติกพิสัยใกล้รุ่น KHAN จากบริษัท Roketsan ของตุรกีในจังหวัดอีสต์กาลิมันตัน ถือเป็นครั้งแรกที่มีการประจำการขีปนาวุธบอลิสติกสมัยใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าอาจเปลี่ยนสมดุลกำลังทางทหารในภูมิภาค และจุดกระแสการประเมินขีดความสามารถด้านขีปนาวุธของชาติสมาชิกอาเซียน
การปรากฏตัวของระบบ KHAN ที่ฐานทัพ Raipur A Yonarmed 18 เมืองตงการง ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ผ่านเพจ Facebook “Sahabat Keris” และถูกนำไปเผยแพร่ต่อโดยสื่อด้านความมั่นคง เช่น Defence Security Asia และเว็บไซต์ Kompas ของอินโดนีเซีย
### เหตุผลเชิงยุทธศาสตร์ในการเลือกอีสต์กาลิมันตัน
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าพื้นที่อีสต์กาลิมันตันมีความสำคัญทั้งด้านภูมิศาสตร์และสัญลักษณ์ เนื่องจากจะเป็นที่ตั้งเมืองหลวงใหม่ของประเทศ “Nusantara” หรือ Ibu Kota Negara (IKN) การวางกำลังที่นี่จึงรับประกันการคุ้มครองศูนย์กลางอำนาจทางการเมืองและการบริหารของชาติจากการคุกคามทุกระดับ
พื้นที่ดังกล่าวยังตั้งอยู่ใกล้เส้นทางเดินเรือยุทธศาสตร์ ALKI II (ผ่านช่องแคบมากัสซาร์ ทะเลฟลอเรส และช่องแคบลอมบอก) ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเส้นทางเดินเรือหมู่เกาะที่อนุญาตให้เรือรบและเครื่องบินทหารต่างชาติผ่านภายใต้กติกา UNCLOS การมีขีปนาวุธประจำพื้นที่นี้จึงช่วยควบคุมและสอดส่องเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญระดับภูมิภาค
สภาพพื้นที่ที่สูง พื้นดินแข็ง และสภาพอากาศแห้งยังเอื้อต่อการปฏิบัติการของหน่วยยิงเคลื่อนที่ (shoot-and-scoot) ที่ต้องการความคล่องตัวสูงเพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีตอบโต้
### ข้อมูลระบบขีปนาวุธ KHAN และสถานะการส่งมอบ
ขีปนาวุธ KHAN เป็นระบบขีปนาวุธบอลิสติกพิสัยใกล้ ระยะยิงประมาณ 280 กิโลเมตร สามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์หรือหัวรบธรรมดา ติดตั้งบนรถลำเลียงยิงเคลื่อนที่ 8x8 Tatra ผลิตโดยบริษัท Roketsan ประเทศตุรกี อินโดนีเซียเป็นประเทศแรกนอกตุรกีที่ได้รับมอบระบบนี้อย่างเป็นทางการ หลังสั่งซื้อเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022
พลตรี Wahyu Yudhayana โฆษกกองทัพบกอินโดนีเซีย ยืนยันกับ CNA ว่ามีการส่งมอบล็อตแรกแล้ว แต่ยังไม่โอนเข้าประจำการเต็มรูปแบบ และยังไม่เปิดเผยจำนวนที่จัดหา เช่นเดียวกับโฆษกกระทรวงกลาโหม พลตรี Frega Ferdinand Wenas Inkiriwang ซึ่งระบุว่ายังไม่มีข้อมูลสาธารณะเกี่ยวกับรายละเอียดการฝึกและการประจำการ
### ปฏิกิริยาและข้อกังวลในภูมิภาค
Ridzwan Rahmat นักวิเคราะห์กลาโหมประจำ Janes ระบุว่า การประจำการ KHAN ถือเป็นการเปลี่ยนดุลยุทธศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะเป็นระบบยิงแม่นยำสูง ที่ตอบสนองเร็ว และยากต่อการต้านสกัด เนื่องจากมี “ช่วงเวลาการตอบโต้” จำกัด และจนถึงขณะนี้ ประเทศอาเซียนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการจัดหาขีปนาวุธเชิงรุกประเภทนี้
เขาเตือนว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจกระตุ้นให้ชาติสมาชิกอาเซียน เช่น เวียดนามหรือไทย เร่งทบทวนขีดความสามารถด้านขีปนาวุธและการป้องกันทางอากาศ ขณะที่ในภูมิภาค เวียดนามครอบครองขีปนาวุธ Scud และ Hwasong-6 (300–500 กม.) และเมียนมาร์ถูกเชื่อว่ามี Hwasong-5 และ BP-12A แต่ระบบเหล่านี้เป็นเทคโนโลยีรุ่นเก่า ไม่มีการจัดหาของใหม่ในช่วงหลัง
Beni Sukadis จากสถาบัน Lesperssi มองว่าการเสริมกำลังครั้งนี้ช่วยยกระดับการป้องกันประเทศอินโดนีเซีย แต่ขณะเดียวกันก็อาจสร้างความกังวลในหมู่เพื่อนบ้านและมหาอำนาจที่มีผลประโยชน์ในภูมิภาค การเน้นความโปร่งใสและการทูตด้านความมั่นคงจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกมองว่าเป็นการยกระดับเชิงรุก
Khairul Fahmi จากสถาบัน ISESS เน้นว่า การจัดหา KHAN อยู่ในกรอบ “ป้องกันเชิงรุก” เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงด้านความมั่นคงระดับภูมิภาคและโลก ไม่ใช่เพื่อการรุกราน แม้ยอมรับว่าการประจำการอาจเป็นแรงกระตุ้นให้ประเทศอื่นพิจารณาพัฒนาโครงการคล้ายกันในอีก 3–7 ปี
### มิติการเมืองและยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ
การจัดหา KHAN เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแนวทางด้านยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศในยุครัฐบาลประธานาธิบดีปราโบโว ซุบียนโต (Prabowo Subianto) จากการพึ่งพาตะวันตกเพียงฝ่ายเดียว ไปสู่การสร้างพันธมิตรที่หลากหลาย เช่น ตุรกี อินเดีย เกาหลีใต้ จีน และฝรั่งเศส
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียได้ทำสัญญาซื้อเครื่องบินรบ 42 ลำ Rafale จากฝรั่งเศส, ได้รับการอนุมัติจากสหรัฐฯ สำหรับ F-15EX สูงสุด 36 ลำ, เซ็นสัญญาซื้อเครื่องบินล่องหน KAAN 48 ลำจากตุรกี และร่วมพัฒนาโครงการเครื่องบินรบ KF-21 Boramae กับเกาหลีใต้ รวมทั้งพิจารณาซื้อ J-10C จากจีน และเจรจาขีปนาวุธ BrahMos กับอินเดีย
ความร่วมมือกับ Roketsan ไม่เพียงครอบคลุมการจัดหาขีปนาวุธ แต่ยังรวมถึงแผนการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการผลิตในประเทศ โดยในงาน Indo Defence 2025 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามข้อตกลงร่วมพัฒนาศักยภาพประกอบ ปรับปรุง และผลิตเทคโนโลยีระบบขีปนาวุธภายในอินโดนีเซีย
Khairul ระบุว่า “นี่คือข้อความเชิงยุทธศาสตร์ว่า ความสามารถด้านขีปนาวุธไม่ใช่เอกสิทธิ์ของมหาอำนาจอีกต่อไป แต่อินโดนีเซียต้องการยืนในฐานะผู้เล่นภูมิภาคที่มีศักยภาพและความรับผิดชอบ พร้อมรักษาสมดุลในภูมิภาค”
สรุป– การประจำการขีปนาวุธ KHAN ของอินโดนีเซีย เป็นทั้งสัญลักษณ์และเครื่องมือยุทธศาสตร์ที่สะท้อนการปรับยุทธวิธีป้องกันประเทศให้สอดคล้องกับภูมิทัศน์ความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลง แม้ช่วยเสริมศักยภาพในการตอบสนองและคุ้มครองศูนย์กลางอำนาจใหม่ แต่ก็เพิ่มความละเอียดอ่อนทางการทูต และอาจเป็นตัวเร่งให้ภูมิภาคเข้าสู่การแข่งขันด้านขีปนาวุธในอนาคต
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.channelnewsasia.com/asia/indonesia-turkey-ballistic-missile-khan-arms-race-southeast-asia-5287311
(Image: Roketsan)