สหรัฐฯ เสริมกำลังตะวันออกกลาง

สหรัฐฯ เสริมกำลังตะวันออกกลาง "แต่ยังไม่ละทิ้งเป้าหมาย'จีน'ในอินโด-แปซิฟิก"
23-6-2025
SCMP รายงานจากนักวิเคราะห์ระบุว่า แม้สหรัฐฯ จะเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์จากภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกไปยังตะวันออกกลางเพื่อรับมือความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน แต่เป้าหมายยุทธศาสตร์ระยะยาวของวอชิงตันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง คือการควบคุมและจำกัดอิทธิพลของจีนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันเสาร์ว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้ “ทำลายล้างอย่างสิ้นเชิง” สถานที่นิวเคลียร์สำคัญ 3 แห่งของอิหร่าน ส่งผลให้สหรัฐฯ กลายเป็นผู้มีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน คู่แข่งระยะยาวในภูมิภาคนี้
ก่อนการโจมตี สหรัฐฯ ได้เคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์เพื่อรองรับความขัดแย้งดังกล่าว รวมถึงการย้ายทรัพยากรจากภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz ได้ยกเลิกแผนจอดเทียบท่าที่เวียดนาม เพื่อไปสนับสนุนกองเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ในตะวันออกกลาง
การเคลื่อนย้ายเรือ USS Nimitz ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 4 ในรอบปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ไต้หวันซึ่งพึ่งพากำลังทหารสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้เพื่อป้องกันกองทัพปลดปล่อยประชาชน (People’s Liberation Army) ต้องเพิ่มความระมัดระวัง
นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้ว่าสหรัฐฯ จะขยายการมีส่วนร่วมทางทหารในสงครามตะวันออกกลาง แต่ยังคงให้คำมั่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า จะรักษาทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ไว้เพื่อมุ่งเน้นจีนเป็นหลัก
หู โบ (Hu Bo) ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษากลยุทธ์ทางทะเล มหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวว่า กองกำลังทางเรือและอากาศของสหรัฐฯ ประมาณ 50% ที่ประจำการในต่างประเทศถูกจัดสรรให้กับกองบัญชาการกลาง (Central Command) และกองบัญชาการยุโรป (European Command) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการประจำการในอินโด-แปซิฟิกอย่างอ้อม ๆ
“กองกำลังสหรัฐฯ ในอินโด-แปซิฟิกขาดแคลนทรัพยากรในขณะนี้ แต่สถานการณ์จะดำเนินต่อไปหรือไม่ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของสงครามในตะวันออกกลาง” หูกล่าวเสริม “ในระยะยาว อินโด-แปซิฟิกจะยังคงเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักของวอชิงตัน”
การโจมตีของสหรัฐฯ มีเป้าหมายที่สถานที่นิวเคลียร์สำคัญในฟอร์โดว์ (Fordow), อิสฟาฮาน (Isfahan) และนาตันซ์ (Natanz) ซึ่งเป็นศูนย์กลางโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน การยกระดับความรุนแรงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่อิสราเอลโจมตีทางอากาศเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน โดยอิหร่านตอบโต้ด้วยการโจมตีอิสราเอลเช่นกัน
ในการกล่าวสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์จากทำเนียบขาว ทรัมป์กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้เป็น “ความสำเร็จทางทหารที่ยิ่งใหญ่” พร้อมเตือนว่าจะมีการดำเนินการเพิ่มเติม “หากสันติภาพไม่เกิดขึ้นโดยเร็ว”
ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเข้าสู่วันที่ 6 โดยทรัมป์เรียกร้องให้เตหะราน “ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข”
เตียว ดามิง (Diao Daming) ศาสตราจารย์คณะศึกษาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัย Renmin กล่าวว่า การโจมตีอิหร่านสะท้อนถึงอิทธิพลของอิสราเอลต่อทิศทางนโยบายตะวันออกกลางของรัฐบาลทรัมป์ และย้ำจุดยืนสนับสนุนอิสราเอลที่ชัดเจนตั้งแต่สมัยวาระแรกของทรัมป์จนถึงปัจจุบัน เตียวระบุว่า สหรัฐฯ เริ่มเปลี่ยนโฟกัสจากตะวันออกกลางไปยังอินโด-แปซิฟิกตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีบารัค โอบามา (Barack Obama) และการแข่งขันเชิงกลยุทธ์กับจีนเริ่มชัดเจนในสมัยทรัมป์
“นี่คือการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศระยะยาว จึงยากที่จะมองว่าการโจมตีครั้งนี้จะย้อนกลับนโยบายดังกล่าว” เขากล่าว
แม้ยังไม่ชัดเจนว่าการมีส่วนร่วมโดยตรงของสหรัฐฯ จะส่งผลต่อขนาดและระยะเวลาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านอย่างไร นักวิเคราะห์จีนมองว่าสงครามที่ยืดเยื้อไม่น่าจะเกิดขึ้น
อับบาส อาราฆชี (Abbas Araghchi) รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ประณามการโจมตีของสหรัฐฯ และเตือนผ่านโซเชียลมีเดียว่าการโจมตีจะมี “ผลกระทบที่ยั่งยืน” พร้อมย้ำว่าอิหร่าน “สงวนทางเลือกทั้งหมดเพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตย ผลประโยชน์ และประชาชน”
ศาสตราจารย์จู เฟิง (Zhu Feng) แห่งมหาวิทยาลัยหนานจิง กล่าวว่า สหรัฐฯ เปิดฉากโจมตีโดยคาดการณ์ว่าอิหร่านมีศักยภาพตอบโต้จำกัดจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
“การแทรกแซงแบบเลือกปฏิบัติของสหรัฐฯ ไม่ใช่การมีส่วนร่วมเต็มรูปแบบ และไม่ส่งผลให้แรงกดดันเชิงยุทธศาสตร์ต่อจีนลดลง” จูกล่าว
ศาสตราจารย์ชี หยินหง (Shi Yinhong) แห่งมหาวิทยาลัยเหรินหมิน เห็นด้วยว่า “การเบี่ยงเบนความสนใจของสหรัฐฯ จากอินโด-แปซิฟิกไปยังตะวันออกกลางกำลังจะสิ้นสุด”
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “หากได้รับการยืนยันว่าโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมใต้ดินของอิหร่านถูกทำลาย อิสราเอลก็ได้บรรลุวัตถุประสงค์หลักของสงครามแล้ว”
“เมื่อระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านถูกทำลาย และขีดความสามารถขีปนาวุธพิสัยไกลกับโดรนลดลงอย่างมาก อิหร่านจึงไม่สามารถรุกหรือป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป”
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/news/china/military/article/3315385/mideast-distractions-wont-shift-us-long-term-focus-china-analysts?module=top_story&pgtype=homepage
Photo: Handout/ US Navy