.

การเลือกตั้งพระสันตะปาปาคนใหม่: วิกฤตทางเลือกของพระคาร์ดินัล ระหว่างสืบสานปฏิรูปของฟรานซิส หรือหันหลังกลับสู่ความมั่นคง
5-5-2025
โรม | CNN — สมณสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้สั่นสะเทือนรากฐานของคริสตจักรคาทอลิกอย่างลึกซึ้ง ตลอด 12 ปีแห่งการดำรงตำแหน่ง พระองค์ผลักดันแนวคิด “คริสตจักรของคนยากไร้ เพื่อคนยากไร้” และเรียกร้องให้คริสตจักรละทิ้งความสบายเดิมๆ เพื่อออกไปใกล้ชิดกับชุมชนชายขอบ ฟรานซิสเปิดประเด็นที่เคยเป็นข้อห้าม เช่น บทบาทของสตรีในคริสตจักร เปิดต้อนรับชาว LGBTQ ในฐานะ “ลูกของพระเจ้า” และอนุญาตให้ผู้หย่าร้างที่แต่งงานใหม่สามารถรับศีลมหาสนิทได้ นอกจากนี้ พระองค์ยังวิพากษ์วิจารณ์ความอยุติธรรมทางเศรษฐกิจอย่างตรงไปตรงมา และเรียกร้องให้ปกป้องสิ่งแวดล้อม
แม้จะได้รับความรักจากมวลชน ฟรานซิสต้องเผชิญแรงต้านอย่างแข็งกร้าวจากกลุ่มอนุรักษนิยม และการเพิกเฉยเงียบๆ จากบางกลุ่มในลำดับชั้นของคริสตจักร ขณะนี้ พระคาร์ดินัล 133 รูปที่มีสิทธิ์ลงคะแนนใน “การประชุมลับเลือกตั้งพระสันตะปาปา” (Conclave) กำลังเผชิญทางสองแพร่งสำคัญ: จะเดินหน้าต่อในวิถีการปฏิรูปของฟรานซิส หรือจะชะลอแนวทางและหันกลับสู่ความเป็นเอกภาพในรูปแบบเดิม
“ประชาชนได้ลงคะแนนแล้วในงานศพ พวกเขาเรียกร้องให้เราสานต่อแนวทางของฟรานซิส”
— พระคาร์ดินัลวอลเตอร์ คาสเปอร์ วัย 92 ปี ให้สัมภาษณ์กับ La Repubblica
พระคาร์ดินัลบางรูปมองว่า ควรเลือกผู้นำที่เน้น “ความเป็นเอกภาพ” (Unity) ขณะที่อีกฝ่ายเชื่อว่า เส้นทางแห่ง “ความหลากหลาย” (Diversity) ที่ฟรานซิสวางไว้ คือคำตอบของคริสตจักรในยุคใหม่
นักเขียนชีวประวัติพระสันตะปาปา ออสเต็น ไอเวอไรช์ อธิบายว่า ความคิดแรกมองว่าฟรานซิสเป็นผู้นำแห่งยุคใหม่ที่รวมความแตกต่างให้เป็นพลังสร้างสรรค์ ส่วนอีกความคิดมองว่าสมณสมัยนี้คือ “ความวุ่นวาย” ที่ควรหยุดยั้ง
ฝ่าย “เอกภาพ” มีบุคคลเด่น เช่น พระคาร์ดินัลเกอร์ฮาร์ด มุลเลอร์ อดีตประธานฝ่ายหลักคำสอนที่ถูกฟรานซิสปลดในปี 2017 เขาให้สัมภาษณ์ว่า “ผู้เผด็จการล้วนแต่สร้างความแตกแยก”
ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนฟรานซิส ได้แก่ พระคาร์ดินัลมาริโอ เกรช หัวหน้าสำนักงานสมัชชา (Synod), พระคาร์ดินัลไรน์ฮาร์ด มาร์กซ์ จากเยอรมนี และพระคาร์ดินัลฌอง-โคล้ด โฮลเลอริช จากลักเซมเบิร์ก
บุคคลที่ถูกจับตามองมากที่สุดในกลุ่ม “เอกภาพ” คือ พระคาร์ดินัลปิเอโตร ปาโรลิน เลขาธิการวาติกัน ผู้มีบทบาททางการทูตอย่างสูง รวมถึงในการเจรจากับจีนเรื่องการแต่งตั้งบิชอป แต่มีผู้วิจารณ์ว่า ปาโรลินขาดประสบการณ์ภาคสนาม และไม่สามารถสร้างแรงบันดาลใจได้เท่าฟรานซิส
พระคาร์ดินัลไมเคิล เชอร์นี ซึ่งทำงานใกล้ชิดกับฟรานซิส กล่าวเตือนว่า การเน้น “เอกภาพ” มากเกินไป อาจกลายเป็น “ความเหมือนกันโดยสิ้นเชิง” (uniformity) ซึ่งเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับความหลากหลายของคริสตจักรในปัจจุบัน
“เอกภาพที่กลายเป็นยึดติด คือจุมพิตแห่งความตาย แต่เอกภาพที่เปิดรับความหลากหลาย คือชีวิตที่แท้จริง” — เชอร์นี กล่าว
ระหว่างพิธีมิสซา 9 คืนหลังงานศพฟรานซิส พระคาร์ดินัลหลายรูปได้กล่าวสุนทรพจน์ที่ย้ำถึงความสำคัญของการสานต่อการปฏิรูป หนึ่งในนั้นคือ พระคาร์ดินัลบัลดาสซาเร เรย์นา รองพระสังฆราชแห่งโรม
“พระสันตะปาปาฟรานซิสได้ริเริ่มกระบวนการปฏิรูปมากมายที่ไปไกลเกินศาสนา... ผู้คนทั่วโลกจดจำพระองค์ในฐานะบาทหลวงของมวลมนุษย์”
ในบรรดาผู้สมัครสายปฏิรูป ยังมีพระคาร์ดินัลหลุยส์ อันโตนิโอ ตากเล จากฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้นำที่ได้รับความเคารพจากศาสนจักรโลกกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในเอเชียและแอฟริกา แม้จะมีความแตกต่างด้านแนวคิด แต่การทำนายผลการลงคะแนนยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากพระคาร์ดินัลจำนวนมากมาจากประเทศที่ไม่เคยมีตัวแทนในสมณวิทยาลัยมาก่อน และหลายท่านไม่รู้จักกันดีนัก การพูดคุยกันระหว่างรับประทานอาหารค่ำ หรือในร้านอาหารแถบวาติกัน กลายเป็นช่วงเวลาสำคัญในการสร้างความเข้าใจ
พระคาร์ดินัลชาร์ลส์ โบ จากเมียนมา หนึ่งในผู้ได้รับการแต่งตั้งโดยฟรานซิสในปี 2015 เขียนอีเมลถึง CNN ว่า: “โลกต้องการลมหายใจแห่งความหวังใหม่… พระสันตะปาปาองค์ถัดไปต้องเป็นลมหายใจนั้น เป็นเสียงแห่งศีลธรรมที่นำพามนุษยชาติกลับจากขอบเหวของความพินาศ”
ขอบคุณภาพจาก Wikipedia
ที่มา https://edition.cnn.com/2025/05/02/europe/cardinals-conclave-pope-successor-crossroads-intl