ตะวันตกสร้างแนวคิดญิฮาดในปากีสถาน

ตะวันตกสร้างแนวคิดญิฮาดในปากีสถาน
28-4-2025
รัฐมนตรีกลาโหมของปากีสถาน นายคอวาจา อาซิฟ อ้างว่าประเทศของเขาตกเป็นเหยื่อของการก่อการร้ายในภูมิภาค อันเป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาลชาติตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งย้อนกลับไปหลายทศวรรษ ในการให้สัมภาษณ์กับ RT เมื่อวันเสาร์ อาซิฟกล่าวว่า การตัดสินใจของผู้นำประเทศในอดีตที่เข้าร่วมสงครามโซเวียต–อัฟกานิสถานในช่วงปลายทศวรรษ 1980 และกลายเป็นฐานฝึกอบรมและปลูกฝังแนวคิดญิฮาดในนามของตะวันตกนั้นเป็น "ความผิดพลาด" โดยเขาระบุว่าปากีสถานเป็น “กระดานกระโดดน้ำ” สำหรับสงครามดังกล่าว
“การนำแนวคิดญิฮาดเข้ามา ซึ่งเป็นสิ่งที่ตะวันตกสร้างขึ้น ได้เปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณของประเทศ และนำไปสู่ปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน สังคมทั้งสังคมถูกเปลี่ยนแปลงเพื่อสนับสนุนแนวคิดญิฮาด” อาซิฟกล่าว
ตามคำกล่าวของเขา ระหว่างสงครามในอัฟกานิสถาน อิสลามาบัด “ให้ความช่วยเหลือทุกรูปแบบแก่สหรัฐฯ” และหลังเหตุการณ์ 9/11 ปากีสถานก็ได้ “เข้าร่วมกับพันธมิตรอีกครั้ง” โดยเขาระบุว่า “สิ่งของทุกอย่างที่ใช้โดยสหรัฐฯ ล้วนส่งผ่านมาจากดินแดนของเรา รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ” อย่างไรก็ตาม เขาเสริมว่า “ทั้งสองสงครามนี้ ในความเห็นส่วนตัวของผม ไม่ใช่สงครามของเราเลย”
อาซิฟเน้นว่าปากีสถานยังคงแบกรับผลกระทบจากนโยบายในอดีต “เราต้องทนทุกข์อย่างมาก และสหรัฐฯ ก็ทอดทิ้งเราในราวปี 1989 หรือ 1990 พวกเขาจากไปและปล่อยให้เรารับเคราะห์เพียงลำพัง” เขากล่าว พร้อมเสริมว่าสถานการณ์ความมั่นคงเลวร้ายลงหลังการถอนกำลังของสหรัฐฯ จากอัฟกานิสถานในปี 2021
รัฐมนตรีกล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับชุมชนชาวพาทาน ซึ่งมีต้นกำเนิดกระจายอยู่ในทั้งปากีสถานและอัฟกานิสถาน โดยมีจำนวนมากอาศัยอยู่ในปากีสถาน เขากล่าวว่า “มีชาวอัฟกันไร้เอกสารเกือบ 6 ล้านคนในประเทศเรา และไม่มีใครออกมารับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราเลย”
อาซิฟตอบคำถามเกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่าอิสลามาบัดให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายในนามของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ซึ่งเขาเองก็ยอมรับบางส่วนในการให้สัมภาษณ์กับ Sky News ของอังกฤษเมื่อวันก่อนหน้านั้น
อินเดียในสัปดาห์นี้กล่าวหาว่าปากีสถานอยู่เบื้องหลังการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในแคชเมียร์ตอนใต้ที่ทำให้พลเรือนชาวอินเดีย 26 คน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากหลากหลายภูมิภาค เสียชีวิต ซึ่งปากีสถานได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว “เหยื่อหลักของการก่อการร้ายในภูมิภาคนี้คือปากีสถาน และเรากลับถูกอินเดียกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลัง ทั้งที่เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย” อาซิฟกล่าว
นิวเดลีได้กล่าวหาปากีสถานมาโดยตลอดว่าให้การสนับสนุนและให้เงินทุนแก่กลุ่มก่อการร้ายทั้งภายในประเทศและข้ามพรมแดน หลังการโจมตีในสัปดาห์นี้ นิวเดลีได้ขับไล่นักการทูตปากีสถาน ยกเลิกวีซ่าที่ถูกต้องทั้งหมดของพลเมืองปากีสถาน และปิดพรมแดนทางบกกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ อินเดียยังได้ระงับสนธิสัญญาน้ำอินดัส ค.ศ. 1960 ซึ่งมีผลบังคับใช้นานหลายทศวรรษ แม้ว่าทั้งสองประเทศจะเคยทำสงครามกันหลายครั้ง และมีการปะทะตามแนวชายแดน รวมถึงการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่ร้ายแรงทั้งต่อพลเรือนและทหาร
ทางการปากีสถานตอบโต้ด้วยมาตรการเท่าเทียม และเตือนว่าหากอินเดียพยายามปิดกั้นหรือเบี่ยงเบนน้ำตามสนธิสัญญาดังกล่าว จะถือว่าเป็น “การกระทำในลักษณะของสงคราม”
ที่มา RT