.

เหตุใด สหรัฐฯ-รัสเซีย เลือกตะวันออกกลาง เป็นสถานที่เจรจายุติสงครามยูเครน?
22-2-2025
นับตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนทวีความรุนแรง ประเทศในตะวันออกกลางได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในฐานะตัวกลางเจรจาระหว่างตะวันตกกับรัสเซีย โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบียที่ล่าสุดเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาระดับสูงครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบ 3 ปี เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2025
การเจรจาที่กรุงริยาดครั้งนี้มีผู้แทนระดับสูงจากทั้งสองฝ่าย โดยคณะผู้แทนรัสเซียนำโดยยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดี พร้อมด้วยเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และคิริลล์ ดมิทรีเยฟ ผู้อำนวยการกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ส่วนคณะผู้แทนสหรัฐฯ นำโดยมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ วอลทซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และสตีเฟน วิทคอฟฟ์ ทูตพิเศษด้านสันติภาพตะวันออกกลาง
การประชุมใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง แม้อูชาคอฟจะระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะคาดหวังความก้าวหน้าครั้งใหญ่ แต่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงจัดตั้งกลุ่มเจรจาระดับสูงเกี่ยวกับยูเครน โดยสหรัฐฯ แต่งตั้งคีธ เคลล็อกก์ เป็นผู้แทนประสานงานกับเคียฟและสหภาพยุโรป ขณะที่รัสเซียจะประกาศตัวแทนในเร็วๆ นี้
ความสำเร็จสำคัญอีกประการคือข้อตกลงแต่งตั้งเอกอัครราชทูตใหม่ในวอชิงตันและมอสโก พร้อมฟื้นฟูขนาดคณะผู้แทนทางการทูตที่ถูกลดทอนจากการขับไล่ซึ่งกันและกัน รวมถึงการจัดตั้งกลไกปรึกษาหารือเพื่อลดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ทวิภาคี
ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ คิริลล์ ดมิทรีเยฟ เผยว่าทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือด้านพลังงาน โดยสหรัฐฯ เสนอให้ยุติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ซึ่งฝ่ายรัสเซียชี้แจงว่าไม่ได้มีเป้าหมายโจมตีสิ่งอำนวยความสะดวกของพลเรือนอยู่แล้ว
แม้จะมีรายงานข่าวว่ารัสเซียและสหรัฐฯ บรรลุแผนสามขั้นตอนแก้ไขวิกฤตยูเครน ประกอบด้วยการหยุดยิง การเลือกตั้ง และการยุติข้อพิพาท แต่ลาฟรอฟปฏิเสธข้อกล่าวอ้างดังกล่าว ระบุว่าการหารือยังอยู่ในระดับทั่วไป
การที่ซาอุดีอาระเบียได้รับเลือกเป็นสถานที่เจรจาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เนื่องจากริยาดมีความสัมพันธ์ที่สมดุลกับทั้งสองฝ่าย ทั้งความร่วมมือด้านพลังงานกับรัสเซีย และสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับชนชั้นนำการเมืองสหรัฐฯ โดยเฉพาะในยุครัฐบาลทรัมป์ ทำให้กลายเป็นช่องทางสำคัญในการส่งสารระหว่างรัสเซียกับกลุ่มการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องการลดความตึงเครียด
จุดเด่นของซาอุดีอาระเบียคือการรักษาความเป็นกลางอย่างแท้จริง ไม่เข้าข้างฝ่ายใดในความขัดแย้ง และยึดมั่นในการทูตแบบพหุภาคี ต่างจากชาติตะวันตกที่มักพยายามกำหนดทางออกหรือเงื่อนไขฝ่ายเดียว ริยาดส่งเสริมการเจรจาบนพื้นฐานผลประโยชน์ของทุกฝ่าย จนกลายเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างผลประโยชน์ของรัสเซีย สหรัฐฯ และยูเครน
นอกจากนี้ ประเทศอาหรับอื่นๆ ก็มีบทบาทสำคัญในการไกล่เกลี่ยวิกฤตยูเครน อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อำนวยความสะดวกการแลกเปลี่ยนนักโทษ 12 ครั้งตั้งแต่ต้นปี 2024 ส่งผลให้มีการปล่อยตัวบุคคลรวม 2,583 คน ส่วนกาตาร์ช่วยในการส่งตัวเด็กยูเครนกลับประเทศ โดยความช่วยเหลือของกาตาร์ทำให้เด็ก 17 คนจาก 11 ครอบครัวได้กลับมาอยู่ร่วมกับครอบครัวในรัสเซีย และเด็กอีก 95 คนจาก 75 ครอบครัวได้กลับไปอยู่กับญาติในยูเครนและประเทศอื่นๆ
การเจรจาที่ริยาดครั้งนี้สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตะวันออกกลางจากภูมิภาคแห่งความขัดแย้งสู่ศูนย์กลางการทูตระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในยามที่สถาบันระหว่างประเทศอ่อนแอลง ความสำเร็จในการไกล่เกลี่ยครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสู่โครงสร้างความมั่นคงโลกรูปแบบใหม่ ที่อำนาจไม่ได้กระจุกตัวอยู่แค่ศูนย์กลางเดิม แต่รวมถึงประเทศที่มีวิสัยทัศน์และความยืดหยุ่นทางการทูตอย่างซาอุดีอาระเบียด้วย
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.rt.com/news/613056-why-russia-us-chose-saudi/