'Dark Eagle' ขีปนาวุธเหนือเสียงสหรัฐฯ
![](../image/news/content_20250208080748.jpg)
'Dark Eagle' ขีปนาวุธเหนือเสียงสหรัฐฯ ต้นทุนพุ่ง-ทดสอบล้มเหลว 'จีน-รัสเซียนำห่าง'
7-2-2025
Asia Time รายงานว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (DOD) เผยความไม่มั่นใจในประสิทธิภาพและความอยู่รอดของขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง "ดาร์ก อีเกิล" (Dark Eagle) หลังการทดสอบที่จำกัดและล้มเหลวหลายครั้ง ส่งผลให้การนำไปใช้งานล่าช้า ขณะที่จีนและรัสเซียมีอาวุธประเภทนี้พร้อมใช้งานแล้ว
ขีปนาวุธดาร์ก Dark Eagle ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบอาวุธความเร็วเหนือเสียงพิสัยไกล (LRHW) ออกแบบสำหรับกองทัพบกและกองทัพเรือสหรัฐฯ รวมถึงเรือพิฆาตชั้น Zumwalt และเรือดำน้ำชั้น Virginia Block V แม้จะทดสอบสำเร็จที่แหลมคานาเวอรัลเมื่อธันวาคม 2024 แต่ปัญหาก่อนหน้านี้ทั้งการยกเลิกการทดสอบและความขัดข้องของฮาร์ดแวร์ ทำให้ต้องเลื่อนการติดตั้งออกไป
สำนักงานผู้อำนวยการฝ่ายทดสอบและประเมินการปฏิบัติการ (DOT&E) ระบุว่า ข้อมูลทดสอบยังไม่เพียงพอที่จะยืนยันประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงความจำเป็นในการโจมตีหลายครั้งเพื่อทำลายเป้าหมาย ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญเนื่องจากระบบมีต้นทุนสูงและคลังอาวุธจำกัด
ขีปนาวุธนี้ยังไม่ได้ทดสอบความสามารถในการรอดพ้นจากภัยคุกคามทางจลนศาสตร์ อิเล็กทรอนิกส์ และไซเบอร์ แม้กองทัพเรือจะทดสอบหัวรบแล้ว แต่ผลการวิเคราะห์ยังไม่แล้วเสร็จ ทั้งที่ระบบมีกำหนดใช้งานในปีงบประมาณ 2027 จึงเหลือเวลาไม่มากในการปรับปรุงหากพบข้อบกพร่อง
Dark Eagle เป็นระบบขีปนาวุธยิงจากรถบรรทุก พัฒนาร่วมกับกองทัพเรือ ใช้ตัวร่อนความเร็วเหนือเสียงแบบทั่วไป (C-HGB) และจรวดเร่งสองขั้น สามารถทำความเร็วเกินมัค 5 มีพิสัย 2,776 กิโลเมตร แต่การทดสอบแบตเตอรี่ชุดแรกที่กองพันที่ 5 กรมทหารปืนใหญ่สนามที่ 3 ประสบความล้มเหลวหลายครั้ง ทำให้ต้องเลื่อนการประจำการไปเป็นปีงบประมาณ 2025
รายงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินสหรัฐฯ (GAO) ระบุปัญหาสำคัญในการทดสอบ ทั้งโครงสร้างพื้นฐานไม่เพียงพอ ต้นทุนสูง และข้อมูลจำกัด ต้องใช้สิ่งอำนวยความสะดวกพิเศษ เช่น อุโมงค์ลมและสถานทดสอบระยะไกล ขณะที่การทดสอบการบินต้องการระยะทางมากและระบบเซ็นเซอร์ครอบคลุม การขาดประสบการณ์ยังทำให้การประเมินต้นทุนและวางแผนซับซ้อน
แม้งบวิจัยอาวุธความเร็วเหนือเสียงปีงบประมาณ 2025 จะเพิ่มเป็น 6.9 พันล้านดอลลาร์ แต่การขาดโครงการที่ชัดเจนสร้างความกังวลเรื่องภารกิจและเงินทุนระยะยาว อีกทั้งความล่าช้าอาจทำให้ช่องว่างขีดความสามารถในการทำสงครามขีปนาวุธกว้างขึ้น
นักวิเคราะห์บางรายมองว่า อาวุธความเร็วเหนือเสียงอาจถูกโฆษณาเกินจริง เนื่องจากขีปนาวุธร่อนและขีปนาวุธข้ามทวีปแบบดั้งเดิมก็มีความเร็ว พิสัย และประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน แถมยังมีปัญหาทางเทคนิคมากมาย ทั้งความร้อนสูง การสื่อสารขัดข้อง ร่องรอยการยิงชัดเจน แรงต้านทานอากาศขณะบินหลบหลีก เทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ยังไม่สมบูรณ์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เปราะบาง
รายงานของสำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ (CBO) ยังระบุว่า การพัฒนาขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงมีราคาแพงกว่าขีปนาวุธบัลลิสติกที่มีหัวรบควบคุมทิศทางได้ถึง 1 ใน 3 ทั้งที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน และไม่ได้เพิ่มโอกาสรอดจากระบบป้องกันขีปนาวุธอย่างมีนัยสำคัญ เว้นแต่ฝ่ายตรงข้ามจะมีระบบสกัดกั้นระยะไกลประสิทธิภาพสูง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มี
ด้วยต้นทุนที่พุ่งสูง ปัญหาทางเทคนิคที่ยังไม่ได้แก้ไข และทางเลือกอื่นที่น่าเชื่อถือ Dark Eagle จึงเสี่ยงที่จะกลายเป็นโครงการสิ้นเปลืองอีกโครงการของกระทรวงกลาโหม ขณะที่จีนและรัสเซียยังคงพัฒนาคลังแสงความเร็วเหนือเสียงต่อไป ทำให้สหรัฐฯ ต้องทบทวนว่ากำลังเลือกแข่งขันในสนามที่ถูกต้องหรือไม่
---
IMCT NEWS : Photo US Department of Defense
ที่มา https://asiatimes.com/2025/02/dark-eagle-americas-still-flightless-hypersonic-missile/