จีนขยายอิทธิพลเหนือหิมาลัย รุกเงียบเนปาล-ภูฏาน ท้าทายอำนาจอินเดีย
31-12-2024
ในขณะที่ทั่วโลกจับตาการเคลื่อนไหวของจีนในทะเล จีนมีการขยายอิทธิพลอย่างเงียบเชียบข้ามพรมแดนทางบกในเทือกเขาหิมาลัยกำลังส่งสัญญาณว่าความทะเยอทะยานของปักกิ่งไม่ได้จำกัดอยู่เพียงทะเลจีนใต้หรือไต้หวัน แต่กำลังขยายการเข้าถึงอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเป้าไปที่ประเทศเพื่อนบ้านที่มีขนาดเล็กและเปราะบางอย่างเนปาลและภูฏาน
ที่บริเวณเขตฮุมลาของเนปาล เครื่องหมายแสดงแนวเขตแดนขนาดเล็กใกล้หมู่บ้านฮิลซาได้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาค พื้นที่ห่างไกลในเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้กลายเป็นสมรภูมิเงียบที่จีนกำลังขยายการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนอย่างต่อเนื่อง โดยมีการสร้างจุดป้องกันที่ติดตั้งระบบเฝ้าระวังเทคโนโลยีขั้นสูงและการลาดตระเวนติดอาวุธ สร้างเส้นแบ่งชัดเจนระหว่างพื้นที่รกร้างฝั่งเนปาลกับโครงสร้างพื้นฐานทันสมัยฝั่งจีน
อาคารกระจก ถนนติดไฟส่องสว่าง และสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่ตัดกับภูมิประเทศขรุขระและด้อยพัฒนาของเนปาลอย่างชัดเจน สะท้อนการครอบงำที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาคห่างไกลนี้ คณะตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นำโดยเจ้าหน้าที่เนปาลในปี 2564 เปิดเผยขอบเขตการรุกล้ำของจีน แต่รายงานกลับถูกปิดเป็นความลับ ไม่เปิดเผยต่อสาธารณชนและนักการเมืองระดับสูง
สถานการณ์ในภูฏานยิ่งน่าวิตกกว่า เมื่อจีนได้สร้างหมู่บ้าน 22 แห่งภายในเขตแดนดั้งเดิมของภูฏาน ยึดครองพื้นที่ราว 2% ของประเทศ พร้อมสร้างถนน ฐานทหาร และศูนย์บริหาร สร้างข้อเท็จจริงใหม่บนพื้นดินที่ยากจะย้อนกลับ ทำให้ภูฏานตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ระหว่างการยอมสละดินแดนยุทธศาสตร์หรือเสี่ยงเผชิญความตึงเครียดที่อาจรุนแรงขึ้น
กลยุทธ์นี้สะท้อนรูปแบบการยึดครองในพื้นที่สีเทาของจีนในทะเลจีนใต้ ที่เปลี่ยนแนวปะการังและเกาะเป็นฐานทัพ เปลี่ยนแปลงสถานะเดิมและยืนยันการควบคุมโดยไม่ก่อความขัดแย้งโดยตรง การตั้งถิ่นฐานเหล่านี้เป็นฐานสำคัญในยุทธศาสตร์ท้าทายอิทธิพลอินเดียในภูมิภาค โดยเฉพาะในพื้นที่โดกลาม ใกล้ระเบียงซิลิกูรี เส้นทางเชื่อมสำคัญระหว่างอินเดียแผ่นดินใหญ่กับรัฐตะวันออกเฉียงเหนือ
หลังเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารจีนและอินเดียเป็นเวลา 73 วันในปี 2560 จีนยังไม่ละทิ้งความทะเยอทะยานในหิมาลัย ยังคงก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั่วภูมิภาค รุกคืบเข้าใกล้พื้นที่สำคัญที่อาจให้ปักกิ่งควบคุมเส้นทางยุทธศาสตร์ได้ แม้อินเดียยังคงปกป้องผลประโยชน์ในโดกลาม แต่ส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับการรุกรานอื่นๆ ของจีนในภูฏาน การนิ่งเงียบอย่างคำนวณนี้หลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับจีน แต่ทำให้ภูฏานเปราะบาง ต้องจัดการความตึงเครียดด้วยการสนับสนุนที่จำกัด
แนวทางของจีนในเทือกเขาหิมาลัยสะท้อนการเปลี่ยนแปลงชัดเจนสู่การรุกรานในพื้นที่สีเทา ตรงข้ามกับความพยายามทางการทูตก่อนหน้า สำหรับเนปาลและภูฏาน การเปลี่ยนแปลงนี้น่าวิตกอย่างยิ่ง เพราะเป็นประเทศขนาดเล็ก ทรัพยากรจำกัด ขาดกำลังทหารและเศรษฐกิจต้านทานการรุกคืบของจีน
ภูฏานไม่มีกองทัพประจำการที่จะต้านการยึดดินแดนของจีนได้ ทั้งสองประเทศถูกบีบให้อยู่ในสถานะทางการทูตที่ยากลำบาก ต้องรักษาสมดุลความสัมพันธ์กับจีนและอินเดียพร้อมพยายามรักษาอธิปไตย การรุกรานไม่ใช่เพียงเรื่องดินแดน แต่สะท้อนยุทธศาสตร์ขยายอิทธิพลจีนในเอเชียใต้ ท้าทายอำนาจอินเดีย และขยายอิทธิพลปักกิ่ง
สำหรับประชาชนในพื้นที่ชายแดนห่างไกล ผลกระทบเกิดขึ้นทันที ทั้งการพลัดถิ่น สูญเสียอธิปไตย และการสูญหายของวิถีชีวิตที่สืบทอดหลายศตวรรษ แม้มีการละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนชัดเจน ประชาคมโลกส่วนใหญ่กลับเพิกเฉย การขาดการตอบสนองนานาชาติต่อการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตเช่นนี้ มีแต่จะกระตุ้นการรุกคืบต่อไปโดยแทบไม่มีโอกาสย้อนกลับ
แม้การยึดดินแดนหิมาลัยของจีนอาจอยู่นอกความสนใจ แต่เผยให้เห็นมหาอำนาจจักรวรรดินิยมที่กำลังยืนยันความเหนือกว่าในภูมิภาค ทีละด่าน ทีละหมู่บ้าน ทีละรั้วชายแดน อย่างเงียบเชียบแต่มั่นคง
---
IMCT NEWS : Image Credit: India Today II> Image Credit: The New York Times
ที่มา https://x.com/IndoPac_Info/status/1873676684861542684
https://www.sealight.live/posts/china-s-territorial-expansion-into-nepal-and-bhutan