ทรัมป์พลิกเกมการเมืองยุโรป ชี้ EU ล้มเหลวทั้งการค้า-สงคราม จ่อถอนตัวข้อตกลงปารีส-ยุติสงครามยูเครน- เลิกคว่ำบาตรรัสเซีย

4-1-2025

     การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ ในฐานะว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 กำลังสร้างความปั่นป่วนให้ชนชั้นนำยุโรป ที่ไม่เพียงไม่คาดคิดถึงการกลับมาของเขา แต่ยังไม่รู้วิธีรับมือกับนโยบายที่จะพลิกโฉมการเมืองโลก

     แม็กซิมิเลียน คราห์ สมาชิกรัฐสภายุโรป วิเคราะห์ว่า นับตั้งแต่โจ ไบเดน เข้าดำรงตำแหน่งในปี 2020 ด้วยวาทกรรม "อเมริกากลับมานำโลกอีกครั้ง" อียูได้ผูกติดนโยบายกับวอชิงตันอย่างสิ้นเชิง ทั้งตัดสัมพันธ์รัสเซีย-จีน เข้าร่วมสงครามยูเครน ยอมรับวาระโลกร้อน และสนับสนุนการคว่ำบาตรประเทศกำลังพัฒนา จนสูญเสียความเป็นอิสระด้านนโยบายต่างประเทศ

   ทรัมป์ซึ่งตรงข้ามกับ "อเมริกาตื่นรู้" ประกาศนโยบายที่จะพลิกกลับทุกอย่าง ทั้งยุติสงครามยูเครนที่จะทำให้นโยบายต่างประเทศยุโรปอับอาย ถอนตัวจากข้อตกลงปารีสที่จะให้สหรัฐฯ ได้เปรียบด้านต้นทุนเหนืออุตสาหกรรมยุโรปที่แบกรับภาษีคาร์บอน และขึ้นภาษีนำเข้าสูงที่จะบีบให้บริษัทยุโรปต้องย้ายฐานการผลิตไปสหรัฐฯ

นอกจากนี้ยังต่อต้านกฎหมาย Digital Services Act ที่ใช้ควบคุมโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ X ของอีลอน มัสก์ ขณะที่แนวคิด "อำนาจปกครองตนเองทางยุทธศาสตร์" ของอียูก็ไม่มีความน่าเชื่อถือในสายตาจีน อินเดีย แอฟริกาใต้ และตุรกีอีกต่อไป

     สถานการณ์นี้ทำให้ภูมิทัศน์การเมืองยุโรปพลิกผัน ผู้นำในบรัสเซลส์และเบอร์ลินที่เคยถูกขนานนามว่าเป็น "ประธานาธิบดีอเมริกันแห่งยุโรป" ต้องหันมาเรียกร้องความเป็นอิสระ ขณะที่พรรคขวาจัดอย่าง AfD ที่เคยถูกกันออกด้วย "กำแพงไฟ" กลับได้รับการสนับสนุนจากมัสก์และมีแนวคิดใกล้เคียงทรัมป์

    ที่น่าสนใจคือ วิกเตอร์ ออร์บัน ผู้นำฮังการีที่เคยถูกวิจารณ์เรื่องความสัมพันธ์กับปูติน เออร์โดกัน เนทันยาฮู และสี จิ้นผิง จะได้รับสิทธิพิเศษเมื่อทรัมป์กลับสู่ทำเนียบขาว ตรงข้ามกับ คาจา คัลลาส กรรมาธิการต่างประเทศอียูที่ได้ตำแหน่งจากจุดยืนต่อต้านรัสเซีย อาจหมดความสำคัญเมื่อสงครามยูเครนยุติ

วิกฤตนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาการสื่อสาร แต่เป็นปัญหาเศรษฐกิจ เพราะสงครามยูเครนและการคว่ำบาตรรัสเซียสร้างความเสียหายต่ออียูและเยอรมนีมากกว่ารัสเซียเอง ขณะที่นโยบายรับมือโลกร้อนก็ทำลายอุตสาหกรรมเยอรมัน และจะไร้ความหมายเมื่อสหรัฐฯ ถอนตัว

     ทรัมป์ยังเรียกร้องให้ยุโรปลดการพึ่งพาสหรัฐฯ ทั้งด้านการค้าที่ขาดดุลมหาศาล และการทหารที่ละเลยการป้องกันตนเอง พร้อมผลักดันให้หันไปสร้างความสัมพันธ์กับประเทศกำลังพัฒนา สถานการณ์นี้เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองฝ่ายขวาที่เน้นแนวทางชาตินิยมได้มีบทบาทในการปกครองมากขึ้น แทนที่จะเป็นเพียงฝ่ายค้านที่คอยวิพากษ์วิจารณ์

---

IMCT NEWS

ที่มา https://asiatimes.com/2025/01/trump-exposes-eu-bankruptcy-on-trade-war-and-climate/