EU ประกาศกระชับความสัมพันธ์กับอินเดีย

EU ประกาศกระชับความสัมพันธ์กับอินเดีย แม้มี 'ปัญหา' เรื่องรัสเซีย
18-9-2025
Euronews รายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) ได้ประกาศยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อขยายความสัมพันธ์กับอินเดีย ท่ามกลางสถานการณ์ที่พันธมิตรดั้งเดิมและหลักการที่ยึดถือมายาวนานกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างรุนแรง ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการแสวงหาพันธมิตรทางเลือกมากขึ้น แม้ว่าอินเดียจะมีความสัมพันธ์อัน "เป็นปัญหา" กับรัสเซียก็ตาม
ในยุทธศาสตร์ 5 เสาหลักที่เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการยุโรปได้นำเสนอวิสัยทัศน์ที่ครอบคลุมสำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ครอบคลุมหลากหลายประเด็น ตั้งแต่น้ำมันเชื้อเพลิงยั่งยืน, ไฮโดรเจนสีเขียว, วัตถุดิบสำคัญ, ปัญญาประดิษฐ์, ไมโครชิปขั้นสูง, ความมั่นคงทางไซเบอร์, การจัดการวิกฤต, นโยบายกลาโหม, ไปจนถึงการย้ายถิ่นฐานอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งจะปูทางไปสู่การประชุมสุดยอด EU-India ในช่วงต้นปี 2026
เอกสารดังกล่าวยืนยันว่า "ความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่าง EU-India มีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา"
ช่วงเวลาของการนำเสนอรายงานนี้เป็นที่น่าสังเกตอย่างยิ่ง เนื่องจากสัปดาห์นี้เอง กองกำลังทหารกลุ่มเล็กๆ ของอินเดียได้เข้าร่วมการซ้อมรบทางทหารขนาดใหญ่ร่วมกับรัสเซียและเบลารุส ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Zapad 2025 ใกล้กับชายแดนโปแลนด์และลิทัวเนีย การเข้าร่วมของอินเดียเกิดขึ้นหลังการประชุมประจำปีของ Shanghai Cooperation Organisation (SCO) ในช่วงต้นเดือนนี้ ที่ซึ่งนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี (Narendra Modi) แห่งอินเดีย ได้ปรากฏตัวในอิริยาบถที่เป็นกันเองร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) ของรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ของจีน
เหตุการณ์ทั้งสองสะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพที่ยั่งยืนของอินเดียกับรัสเซีย ซึ่งตะวันตกมองด้วยความสงสัยมาอย่างยาวนาน โดยบรัสเซลส์ได้กล่าวหาอินเดียว่าทำหน้าที่เป็นช่องทางลับในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลั่นน้ำมันดิบจากรัสเซียแล้วนำไปขายต่อ
แต่ท่ามกลางความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ EU ได้ข้อสรุปว่า การกระชับความร่วมมือกับอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกและเป็นผู้เล่นหลักในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์สูง จะทำให้ได้รับประโยชน์มากกว่าเสียประโยชน์
นางกายา กัลลาส (Kaja Kallas) ผู้แทนระดับสูงของ EU กล่าวในระหว่างการนำเสนอว่า "เรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ปั่นป่วนอย่างยิ่ง และเราจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือ... และคำถามที่เกิดขึ้นอยู่เสมอคือ เราจะปล่อยให้ช่องว่างนี้ถูกเติมเต็มโดยคนอื่นหรือไม่ ดังนั้นเราต้องพยายามเติมเต็มด้วยตัวเราเอง"
นางกัลลาสเผชิญกับคำถามซ้ำๆ เกี่ยวกับประเด็นรัสเซีย ซึ่งเธอยอมรับว่าเป็นเรื่อง "ที่น่าเป็นกังวล" และเป็นแหล่งที่มาของความขัดแย้งภายในคณะกรรมาธิการยุโรป เธอยังกล่าวถึงการซ้อมรบ Zapad 2025 ว่า "หากคุณต้องการความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับเรา แล้วทำไมถึงไปเข้าร่วมการซ้อมรบที่เป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของเรา... เราไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นๆ"
อย่างไรก็ตาม นางกัลลาสได้ปฏิเสธที่จะยื่นคำขาดที่อาจบังคับให้อินเดียต้องเลือกข้าง "เป็นไปได้หรือไม่ที่จะแยกอินเดียออกจากรัสเซียโดยสมบูรณ์ เมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์ของพวกเขาด้วยแล้ว ฉันไม่คิดว่าเราจะหลงเชื่อภาพลวงตาเช่นนั้น" เธอกล่าวกับผู้สื่อข่าว
พลวัตทางการทูตนี้กำลังจะเผชิญกับบททดสอบที่สำคัญในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี EU-India ซึ่งทั้งสองฝ่ายให้คำมั่นว่าจะสรุปให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ การค้าขายระหว่าง EU-India ได้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีจุดที่เกิดความขัดแย้งอยู่ สำหรับบรัสเซลส์คือเรื่องมาตรการปกป้อง ทางการค้า (protectionism) ส่วนสำหรับนิวเดลีคือเรื่องกฎหมายด้านสภาพภูมิอากาศและแรงงาน
ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) จะเป็นแรงจูงใจที่ทรงพลังเบื้องหลังการเจรจาครั้งนี้ เนื่องจากทั้ง EU และอินเดียต่างกำลังรับมือกับผลกระทบอันเจ็บปวดจากนโยบายภาษีฝ่ายเดียวของเขา โดย EU ต้องเผชิญกับข้อตกลงที่ไม่สมดุล และอินเดียก็ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 50%
อย่างไรก็ตาม ผลพวงจากนโยบายภาษีนี้ได้เปิดหน้าต่างแห่งโอกาสอันมีค่า เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-อินเดียตกต่ำลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง EU-India กลับกำลังเพิ่มสูงขึ้น
นายมารอส เชฟโควิช (Maroš Šefčovič) กรรมาธิการยุโรปด้านการค้า ซึ่งยืนอยู่ข้างนางกัลลาสกล่าวว่า "เราตระหนักดีถึงศักยภาพมหาศาลของการค้าร่วมกันของเรา... นี่เป็นเรื่องของทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ และอินเดียเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์อย่างชัดเจน ไม่ว่าคุณจะมองจากมุมไหนก็ตาม"
นอกจากข้อตกลงการค้าเสรีแล้ว EU ยังได้เล็งไปที่ผลลัพธ์ที่น่าปรารถนาอีกประการ นั่นคือการจัดตั้งความร่วมมือด้านความมั่นคงและกลาโหมอย่างเป็นทางการ (Security and Defence Partnership หรือ SDP) ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ จะถือเป็นความร่วมมือในลักษณะนี้กับประเทศในเอเชียเป็นลำดับที่สาม รองจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
ประเทศที่มี SDP สามารถเข้าร่วมการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกันภายใต้ SAFE ซึ่งเป็นโครงการของ EU มูลค่า 150,000 ล้านยูโร เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายด้านกลาโหม ความร่วมมือที่กว้างขึ้นกับยุโรปสอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศแบบ "หลายแนวร่วม" (multi-alignment foreign policy) ของอินเดีย ซึ่งทำให้อินเดียสามารถพัฒนาพันธมิตรที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกันโดยยึดผลประโยชน์แห่งชาติเป็นหลัก และวางตัวเองเป็นกระบอกเสียงที่มีอิทธิพลในกลุ่มประเทศ Global South (ประเทศในซีกโลกใต้)
สำหรับบรัสเซลส์ คุณสมบัติเหล่านี้ของอินเดียสามารถชดเชยความเชื่อมโยงของนิวเดลีกับมอสโกและปักกิ่งได้ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ EU ซึ่งไม่ขอเปิดเผยนามกล่าวว่า "นโยบายหลายแนวร่วมมีประโยชน์ทั้งสองทาง บางครั้งอินเดียก็ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงที่เป็นกลาง ซึ่งไม่ได้สนับสนุนวาระการต่อต้านตะวันตก และนั่นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์"
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.euronews.com/my-europe/2025/09/17/eu-vows-to-forge-closer-ties-with-india-despite-problematic-russia-factor