ทรัมป์อาจจะพบกับสีที่เกาหลีใต้ในเดือนตุลาคม

8-9-2025

  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน อาจพบกันในเดือนตุลาคมนี้ที่ประเทศเกาหลีใต้ ระหว่างการประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ตามรายงานของ CNN เมื่อวันเสาร์ โดยอ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ

   ทั้งนี้ การพบปะดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ

   ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์ 3 คน ประธานาธิบดีและที่ปรึกษาระดับสูงของเขากำลัง “เตรียมตัวอย่างเงียบ ๆ” สำหรับการเดินทางเข้าร่วมการประชุม APEC และหารือกับรัฐมนตรีการค้าของประเทศสมาชิก

   การประชุมสุดยอด APEC มีกำหนดจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่เมืองคยองจู ประเทศเกาหลีใต้

  เจ้าหน้าที่ยังกล่าวว่า “มีการหารืออย่างจริงจังเกี่ยวกับการพบกันแบบทวิภาคีระหว่างทรัมป์กับสี จิ้นผิง”

  แต่ก็ย้ำว่า “ยังไม่มีแผนที่ชัดเจนในขณะนี้”

    ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงรุนแรง โดยเมื่อต้นปี 2025 ทรัมป์ได้กำหนดภาษีศุลกากรสูงสุดถึง 145% ต่อสินค้าจีน ทำให้จีนตอบโต้ด้วยภาษี 125% ต่อสินค้าสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันในเดือนพฤษภาคมเพื่อ ชะลอการใช้มาตรการภาษีชั่วคราว ซึ่งขยายไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน

   สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ข้อตกลงปัจจุบัน “ดำเนินไปได้ดี” พร้อมเสริมว่า “ทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจากันอย่างราบรื่น” และมีแนวโน้มว่าจะพบกันอีกครั้งก่อนข้อตกลงชั่วคราวจะหมดอายุ

   CNN ยังระบุว่า การที่ทรัมป์เดินทางไปยังภูมิภาคเอเชีย อาจเปิดโอกาสให้เขาได้พบกับคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งห่างหายจากการพบกันตั้งแต่ปี 2019 แม้ยังไม่ชัดเจนว่าคิมจะเข้าร่วมการประชุมหรือไม่ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า ให้ความสำคัญกับการพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมากกว่า การพัฒนานี้เกิดขึ้นหลังการประชุมสุดยอดของ องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ที่ประเทศจีน

   โดยทรัมป์ได้แสดงความคิดเห็นผ่าน Truth Social ว่า “ดูเหมือนว่าเราจะเสียอินเดียกับรัสเซียให้กับจีนอย่างสมบูรณ์แล้ว”

   เขายังอ้างว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และคิม จองอึน ของเกาหลีเหนือ “กำลังสมคบคิด” ต่อต้านสหรัฐฯ หลังจากที่ทั้งสองผู้นำได้พบปะกัน

   ด้าน โฆษกเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ ได้ปฏิเสธการคาดเดาดังกล่าว โดยกล่าวว่า “คำพูดของทรัมป์ไม่ควรถูกตีความอย่างตรงตัว”

IMCTNEWS