.

ทูตจีนโต้ 'ต่างชาติครองที่ดินเกษตรในสหรัฐฯ ไม่เป็นภัยมั่นคง 'เรียกร้องหยุดโยงการค้ากับการเมือง'
25-8-2025
SCMP รายงานว่า ทูตจีนยันการถือครองที่ดินเกษตรสหรัฐฯ ไม่เป็นภัยมั่นคง - อเมริกัน-จีนค้านโยบายเข้ม หวั่นการเมืองแทรกภาคเกษตร
หวังเสวียเฟิง (Xie Feng) เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันออกโรงโต้ข้อกล่าวหาว่าการที่นักลงทุนจีนถือครองที่ดินเกษตรกรรมในสหรัฐฯ เป็นภัยต่อความมั่นคง โดยยืนยันว่า “เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง” พร้อมเรียกร้องให้หยุดโยงประเด็นการเมืองกับเศรษฐกิจการเกษตร
หวังกล่าวในงานประชุมอุตสาหกรรมถั่วเหลืองสหรัฐฯ (US Soybean Export Council) เมื่อวันศุกร์ว่า “นักลงทุนจีนถือครองที่ดินเกษตรสหรัฐฯ น้อยกว่า 0.03% ของที่ดินเกษตรทั้งหมดในประเทศ จะมีผลต่อความมั่นคงอาหารสหรัฐฯ ได้อย่างไร?” เขาย้ำว่าการจำกัดการซื้อที่ดินโดยนักลงทุนจีนเป็นเพียง “ความพยายามทางการเมืองบนข้ออ้างด้านมั่นคง” ที่มุ่ง “จี้ให้ความร่วมมือด้านเกษตรระหว่างจีน-สหรัฐฯ เป็นเครื่องมือทางการเมืองเฉพาะกลุ่ม”
คำแถลงนี้เกิดขึ้นหลังฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประกาศแผนเดือนก่อน ขยายการตรวจสอบการถือครองที่ดินเกษตรโดยต่างชาติ—โดยเฉพาะจีน—เน้นความเสี่ยงด้านมั่นคงแห่งชาติ รัฐมนตรีเกษตรสหรัฐฯ บรู๊ก โรลลินส์ (Brooke Rollins) ระบุว่า ในแผน National Farm Security Action Plan จะ “เดินหน้ากฎหมายและมาตรการบริหารอย่างรวดเร็ว ทุกระดับ” เพื่อ “ห้ามชาวจีนและประเทศคู่ปรับซื้อที่ดินเกษตรอเมริกัน” โดยย้ำว่าภาคเกษตรสหรัฐฯ ถูก “คุกคามจากอาชญากร ศัตรูการเมือง และระบอบปฏิปักษ์ที่มองวิถีชีวิตอเมริกันเป็นภัยคุกคาม”
อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์และกลุ่มสิทธิพลเมืองเตือนว่า นโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อชาวเอเชียอเมริกันและชาวจีนอเมริกันอย่างไม่เป็นธรรม
ตามรายงานกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ปี 2023 ชาวจีนและบริษัทจีนครอบครองที่ดินเกษตรราว 112,000-346,000 เอเคอร์ หรือประมาณ 0.02–1% ของที่ดินเกษตรที่ถือโดยต่างชาติ ทุกรายเป็นเอกชน ไม่มีการถือครองโดยรัฐบาลจีนโดยตรง
หวังเสวียเฟิงเตือนในการกล่าวสุนทรพจน์ว่า การกีดกันการค้าและกระแสปกป้องทางเศรษฐกิจ “ส่งผลกดดันต่อความร่วมมือด้านเกษตรจีน-สหรัฐฯ อย่างแน่นอน” โดยยกตัวอย่างว่าการส่งออกสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ไปจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุด ลดลงถึง 53% ในครึ่งปีแรก 2025 (ข้อมูล US Census Bureau) ขณะที่ยอดขายถั่วเหลืองสหรัฐฯ ให้จีน (ลูกค้ารายใหญ่สุด) หดตัวครึ่งหนึ่ง ฟากจีนเพิ่มสัดส่วนนำเข้าจากบราซิล 13.9% และตลาดนำเข้าถั่วเหลืองบราซิลเดือนกรกฎาคมคิดเป็น 90% ของทั้งหมด
แพลตฟอร์ม Cngrain ของจีนชี้ว่า “จีนกำลังปรับยุทธศาสตร์การจัดหาเมล็ดพืชท่ามกลางสงครามการค้า”
ฝั่งสมาคมถั่วเหลืองสหรัฐฯ (American Soybean Association) เขียนจดหมายถึงทำเนียบขาวให้ทรัมป์เร่งเจรจาด้านการค้าถั่วเหลืองกับจีน ขอให้ผลักดันให้จีนยกเลิกอากรขาออกและรับซื้อถั่วเหลืองมากขึ้น “ชาวนาอเมริกันกำลังเผชิญภาวะทางการเงินที่วิกฤต ไม่สามารถทนข้อพิพาทการค้ากับลูกค้ารายใหญ่ได้อีก”
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้เอง ทรัมป์เรียกร้องให้จีน “เพิ่มการสั่งซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เป็นสี่เท่า” ซึ่งได้รับการยืนยันในเวลาต่อมาว่าสหรัฐฯ และจีนตกลงขยายสงบศึกทางภาษีอีก 90 วัน ไปจนถึง 10 พฤศจิกายน
หวังเสวียเฟิงย้ำในงานว่า “ภาคเกษตรไม่ควรตกเป็นเครื่องมือการเมือง และเกษตรกรไม่ควรเป็นผู้รับผิดชอบราคาสงครามการค้า จีนพร้อมใช้กลไกหารือปรับความเข้าใจ และขอให้สืบสานความร่วมมือในอุตสาหกรรมการเกษตร ลดกำแพง ฟื้นกลไกเจรจาทางภาครัฐและเอกชน”
การประชุมอย่างเป็นทางการด้านการเกษตรระหว่างรัฐบาลจีน-สหรัฐฯ ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ปีที่แล้ว เป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2015 โดยนายถัง เหรินเจี้ยน (Tang Renjian) รัฐมนตรีเกษตรของจีนเป็นหัวหน้าคณะผู้แทน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3322959/chinese-ownership-us-farmland-no-threat-american-security-envoy-says?module=top_story&pgtype=section