กระแสคว่ำบาตรเศรษฐกิจ กองทุนใหญ่แห่ถอนการลงทุน

กระแสคว่ำบาตรเศรษฐกิจ กองทุนใหญ่แห่ถอนการลงทุน จะเปลี่ยนเป้าหมายอิสราเอลในสงครามกาซาได้หรือไม่?
19-8-2025
DW รายงานว่า กองทุนความมั่งคั่งของนอร์เวย์ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศถอนการลงทุนออกจากบริษัทอิสราเอล 11 แห่งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม จากข้อกังวลด้านจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับสงครามกาซา ค่าเงินในกองทุนราว $2 ล้านล้าน (1.71 ล้านล้านยูโร) ถูกปรับลดสัดส่วนการถือครองหุ้นบริษัทอิสราเอลเหลือเกือบ 50 ราย และงดสัญญาจัดการสินทรัพย์กับผู้ให้บริการในประเทศดังกล่าว พร้อมกำลังทบทวนการลงทุนที่เหลือ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ
แม้รัฐบาลอิสราเอลยังไม่ออกแถลงการณ์ตอบรับ โดยสื่อในอิสราเอลกลับวิจารณ์การถอนทุนของนอร์เวย์อย่างแรงว่า "ขับเคลื่อนด้วยเหตุผลทางการเมือง" นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าผู้นำอิสราเอลเลือกสงบนิ่งเพื่อเลี่ยงการเสริมพลังขบวนการ Boycott, Divestment and Sanctions (BDS) ที่รณรงค์ต่อต้านอิสราเอลมายาวนาน
ตั้งแต่ปี 2005 BDS กดดันองค์กร สถาบัน รัฐบาลในหลายประเทศให้ยุติความร่วมมือกับภาคธุรกิจ–โครงการที่เชื่อมโยงกับการยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ ขบวนการดังกล่าวประสบความสำเร็จทั้งเชิงสัญลักษณ์และวัตถุ เช่น ถอนการลงทุนของ AXA, Scotiabank, Samsung Next, 7-Eleven จากอิสราเอล รวมถึงกระแสแอนตี้จากลูกค้าที่โจมตี McDonald’s, Pret และมีมหาวิทยาลัย–สภานครในสหรัฐฯหลายแห่งรับรองนโยบายตัดสัมพันธ์ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล
แม้ BDS ยังไม่สามารถสร้างผลกระทบเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจอิสราเอลอย่างชัดเจน นักเศรษฐศาสตร์ Benjamin Bental จาก University of Haifa เตือนว่าการถอนทุนของนอร์เวย์อาจเป็นตัวจุดชนวนสำคัญ "แม้จะกระทบทางเศรษฐกิจไม่มาก แต่สัญญาณนี้อาจถูกนำไปใช้เป็นต้นแบบ–ถ้าเกิดขึ้นต่อเนื่องจะมีผลมหาศาล"
ปีที่แล้ว กองทุน ISIF ของไอร์แลนด์ก็ถอนลงทุนจาก 6 บริษัทอิสราเอล สภาจังหวัดในสหราชอาณาจักรกำลังทยอยเลิกลงทุนในหุ้นกลุ่มอิสราเอล หลายประเทศจับจ้องนโยบายตั้งถิ่นฐาน–ขยายเขตผู้อยู่อาศัยในเวสต์แบงก์และเยรูซาเลมตะวันออกที่ EU และ UN จัดว่า "ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ"
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประกาศขึ้นภาษีสินค้าอิสราเอลเข้าอเมริกาที่ 17% (ลดเหลือ 15%) ถือเป็นเม็ดเงินกดดันที่ใหญ่กว่าทุกมาตรการคว่ำบาตรในอดีต
แม้กระแสการถอนทุนกดดันเศรษฐกิจอิสราเอล แต่ข้อมูลจาก Bank of Israel ระบุว่าการลงทุนต่างประเทศฟื้นตัวดี สุทธิปี 2024 แตะ $27,000 ล้าน เทียบกับเพียง $8,000 ล้านในปี 2023 นักวิเคราะห์ Dany Bahar มองว่าสินทรัพย์–บริษัทอิสราเอลยังแข็งแกร่ง "ตลาดทุนจะมีคนพร้อมซื้อ ถ้าบริษัทดีและมีคุณค่าส่งออก" พร้อมเตือน BDS ยังเทียบแรงกดดันจากภาษีของทรัมป์ไม่ได้
แนวโน้มความเข้มข้นมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มขึ้น ทวีปยุโรป เช่น EU กำลังกลั่นกรองวิธีจำกัดสิทธิในกองทุนวิจัย Horizon Europe $111,000 ล้านยูโรบนเหตุผลการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกาซา โดยฝรั่งเศส สเปน ไอร์แลนด์และสโลวีเนียผลักดันหนัก ส่วนเยอรมนี อิตาลี ฮังการีคัดค้าน ฝ่ายสหรัฐฯในยุค Biden เคยประกาศคว่ำบาตรและห้ามเดินทางบุคคล–องค์กรเกี่ยวพันกับความรุนแรงในเวสต์แบงก์ แต่ Trump กลับล้มมาตรการดังกล่าว
นอกจากนั้น UK, ฝรั่งเศส, แคนาดา เริ่มห้ามเดินทาง–อายัดสินทรัพย์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการตั้งถิ่นฐานผิดกฎหมายในอิสราเอล EU ขึ้นบัญชีดำกลุ่มขวาจัดที่โจมตีชาวปาเลสไตน์ ล่าสุด เกาหลีใต้–แอฟริกาใต้–โบลิเวีย–มาเลเซียเดินหน้าคว่ำบาตรเต็มรูปแบบทั้งงดขายอาวุธ–อายัดเชื้อเพลิงใช้ในกองทัพ
ด้านเยอรมนีประกาศยุติการส่งออกอาวุธที่เกี่ยวข้องกับกาซาทุกชนิด "จนกว่าสถานการณ์มนุษยธรรมจะดีขึ้น" โดยนายกรัฐมนตรีเมิร์ตซ์ (Merz) แถลงสนับสนุนมาตรการจำกัดบางส่วน
*นักเศรษฐศาสตร์ Bental เตือนว่ามาตรการคว่ำบาตร EU หากบังคับใช้จริงจะกระทบความสามารถในการดำเนินธุรกิจของบริษัทอิสราเอลอย่างรุนแรง เนื่องจากเกือบ 1 ใน 3 ของการส่งออกอิสราเอลไปยุโรป*
อย่างไรก็ตาม Dany Bahar ยืนยันว่าอิสราเอลมีบทบาทหลักในระบบเศรษฐกิจ ความรู้ และนวัตกรรมโลก "แม้แรงกดดันจะเพิ่มขึ้น ระบบเศรษฐกิจอิสราเอลฝังแน่นในห่วงโซ่เศรษฐกิจโลก ถอนตัวไม่ง่าย"
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.dw.com/en/gaza-war-will-the-worlds-wallet-shift-israels-stance/a-73621207