.

โมดีมอบของขวัญลดภาษีช่วยเศรษฐกิจอินเดียท่ามกลางความตึงเครียดเรื่องภาษีของทรัมป์
19-8-2025
ตลาดหุ้นอินเดียพุ่งขึ้นในวันจันทร์ หลังนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เปิดเผยมาตรการลดภาษี ซึ่งถือเป็นของขวัญแก่เศรษฐกิจในประเทศที่ยังเผชิญแรงกดดันจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
ดัชนี Nifty 50 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1% ขณะที่ BSE Sensex เพิ่มขึ้น 0.84% ส่วนในตลาดเงิน ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง 0.18% เมื่อเทียบกับรูปี
ในการปราศรัยเนื่องในวันประกาศอิสรภาพเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีโมดีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพึ่งพาตนเอง และเสนอการปฏิรูปทางการเงินชุดใหญ่ โดยรัฐบาลอินเดียมีแผนจะปรับโครงสร้างภาษีสินค้าและบริการ (GST) เหลือ 2 อัตรา คือ 5% และ 18% พร้อมยกเลิกอัตราภาษีเดิม 12% และ 28% ที่เคยใช้กับสินค้าบางประเภท ตามรายงานของรอยเตอร์ที่อ้างอิงแหล่งข่าวจากรัฐบาล ซึ่งข่าวนี้ยังได้รับการเผยแพร่โดยสื่อภายในประเทศ
“การปฏิรูปมีเป้าหมายเพื่อลดความยุ่งยากในการปฏิบัติตามกฎหมายภาษี ลดอัตราภาษี และทำให้กรอบภาษี GST ทันสมัยขึ้นและเอื้อต่อการเติบโต” มูลนิธิ India Brand Equity Foundation กล่าว พร้อมเสริมว่า อุตสาหกรรมการผลิต โลจิสติกส์ ที่อยู่อาศัย และสินค้าอุปโภคบริโภคจะได้รับประโยชน์จากนโยบายใหม่นี้
ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ของอินเดียก็อาจเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากนโยบายภาษีใหม่นี้ หลังจากที่ประสบปัญหาชะลอตัวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งอินเดีย (Society of Indian Automobile Manufacturers) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในปีปฏิทิน 2024 เพิ่มขึ้นเพียง 4.2% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดในรอบ 4 ปี ตามรายงานของรอยเตอร์
หุ้นกลุ่มยานยนต์ในอินเดียพุ่งขึ้นในช่วงการซื้อขายวันจันทร์ โดย Maruti Suzuki India เพิ่มขึ้น 8.75% และ Hyundai Motor India ขยับขึ้น 8.15%
“ผมมองว่าประกาศนี้เป็นเรื่องดีแน่นอน และภาคยานยนต์นั้นล้าหลังมาในหลายไตรมาสที่ผ่านมา จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในกลุ่มนี้” เจมส์ ทอม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการลงทุนทีมตราสารทุนเอเชียของ Aberdeen กล่าวกับรายการ Inside India ทาง CNBC เมื่อวันจันทร์
"การปฏิรูปภาษีของอินเดียอาจช่วยชดเชยผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ ได้" Aberdeen ให้ความเห็น
การปรับโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ของรัฐบาลโมดีอาจช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจอินเดีย ซึ่งธนาคารกลางอินเดียคาดว่าจะเติบโต 6.5% ในปีงบประมาณ 2025-2026 ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นจากนโยบาย “ภาษีตอบโต้” ฉบับกว้างของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นิวเดลีตกเป็นเป้าของรัฐบาลทรัมป์ เนื่องจากยังคงซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย ส่งผลให้วอชิงตันเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 25% กับสินค้าอินเดีย รวมเป็นภาษีนำเข้าทั้งสิ้น 50% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ช่วงสิ้นเดือนนี้
“อินเดียเป็นเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการบริโภคภายในประเทศ การส่งออกมีสัดส่วนไม่มากนัก ดังนั้นการปฏิรูปภาษีนี้อาจช่วยชดเชยผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ ได้มากกว่าด้วยซ้ำ” ทอมกล่าว
“ในแง่พื้นฐาน ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง GST นี้จะช่วยกระตุ้นการบริโภคในระยะสั้น โดยเฉพาะในช่วงปลายปี ซึ่งเหมาะสมกับสถานการณ์ในตอนนี้ที่การบริโภคภายในประเทศของอินเดียยังอ่อนแออยู่ การเปลี่ยนแปลงนี้จึงเป็นแรงผลักดันที่แท้จริงต่อเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจอินเดียพึ่งพาการบริโภคในประเทศเป็นหลัก”
“การบริโภคภายในประเทศเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่นักลงทุนจับตามองอย่างใกล้ชิด” และเป็น “แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของอินเดีย” โดยมีสัดส่วนถึง 61.4% ของ GDP ในปีงบประมาณ 2024-25 ตามรายงานของ Deloitte เมื่อเดือนสิงหาคม
“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การบริโภคในเขตเมือง และแนวโน้มการใช้จ่ายที่เปลี่ยนไปสู่สินค้าหรูหรา กำลังกลายเป็นเสาหลักของแรงขับเคลื่อนนี้” Deloitte ระบุ
ขณะเดียวกัน India Ratings & Research คาดว่าอัตราการบริโภคขั้นสุดท้ายภาคเอกชนของอินเดียในปีงบประมาณสิ้นสุดมีนาคม 2026 จะขยายตัวที่ 6.9% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าอัตราเติบโตของ GDP โดยรวมที่คาดไว้ที่ 6.3% ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยได้รับแรงหนุนจากค่าจ้างจริงที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย อัตราการออมของครัวเรือนที่ลดลง และการเติบโตของสินเชื่อส่วนบุคคล /////
ที่มา CNBC