.

ปูตินประกาศเดินหน้าติดตั้ง ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก ในเบลารุส ยกระดับนิวเคลียร์–เตือนถึง NATO
2-8-2025
Yahoo Finance รายงานโดยอ้าง AP ว่า รัสเซียเสริมเขี้ยวเล็บทางทหาร ประกาศประจำการมิสไซล์ Oreshnik ในเบลารุส (Belarus) หวังขยายขีดความสามารถการโจมตีพันธมิตรนาโต (NATO)
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่ารัสเซียได้เริ่มต้นสายการผลิต ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกรุ่นใหม่ “Oreshnik” อย่างเป็นทางการ และเตรียมนำอาวุธรุ่นนี้ไปประจำการในเบลารุส (Belarus) ประเทศพันธมิตรยุทธศาสตร์ภายในสิ้นปีนี้
ปูตินกล่าวคำประกาศระหว่างการพบกับประธานาธิบดีเบลารุส อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก (Alexander Lukashenko) บนเกาะวาลาอัม ใกล้เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยระบุว่ากองทัพได้เลือกจุดประจำการขีปนาวุธดังกล่าวในเบลารุสแล้ว และกระบวนการจัดเตรียมทั้งหมดคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2568 นี้ ขีปนาวุธและระบบประกอบรุ่นแรก “Oreshnik” จำนวนหนึ่งได้ถูกผลิตและเข้าสู่การประจำการจริงแล้ว
ขีปนาวุธ Oreshnik ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “hazelnut tree” นี้ เพิ่งถูกใช้งานครั้งแรกในสงครามยูเครนช่วงเดือนพฤศจิกายน โดยรัสเซียยิงอาวุธต้นแบบเข้าถล่มโรงงานในเมืองดนีโปร ซึ่งเป็นโรงงานผลิตขีปนาวุธเก่าตั้งแต่ยุคโซเวียต
ปูตินกล่าวยกย่องศักยภาพของ Oreshnik ว่า มีหัวรบหลายลูก (multiple-warhead) ที่สามารถพุ่งทำลายเป้าหมายด้วยความเร็วสูงสุดถึง Mach 10 และระบบนี้ยัง “ไม่สามารถถูกสกัดกั้นได้” พร้อมเตือนว่าหากใช้งานพร้อมกันหลายลูกในภารกิจโจมตีทั่วไป จะรุนแรงเทียบเท่ากับผลลัพธ์ของระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว
พร้อมกันนี้ ปูตินเตือนว่า ฝ่ายตะวันตกไม่ควรมองข้ามศักยภาพขีปนาวุธดังกล่าว และรัสเซียอาจตัดสินใจใช้ Oreshnik ต่อประเทศสมาชิก NATO ที่อนุญาตให้เคียฟใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีภายในรัสเซีย
ผู้นำกองกำลังจรวดของรัสเซียเคยเปรยว่าขีปนาวุธ Oreshnik นี้สามารถติดหัวรบปกติหรือหัวรบนิวเคลียร์ก็ได้ และสามารถโจมตีเป้าหมายในยุโรปได้ทั้งหมด ด้วยระยะทำการที่อยู่ในข่ายขีปนาวุธระยะกลาง (Intermediate-range ballistic missile: IRBM) ซึ่งตามมาตรฐานองค์กรระหว่างประเทศขีปนาวุธพิสัยกลางหมายถึงอาวุธที่ยิงได้ไกล 500-5,500 กิโลเมตร (310-3,400 ไมล์) ทั้งนี้ ระบบขีปนาวุธพิสัยกลางเคยอยู่ภายใต้ข้อห้ามของสนธิสัญญายุคสงครามเย็น ก่อนที่วอชิงตันและมอสโกจะถอนตัวในปี 2019
ฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา ปูตินกับลูกาเชนโก ลงนามในสนธิสัญญาความมั่นคงฉบับใหม่ที่ให้รัสเซียให้หลักประกันความมั่นคงแก่เบลารุสเต็มรูปแบบ รวมถึงการใช้ขีปนาวุธนิวเคลียร์ถ้าจำเป็นในการตอบโต้การรุกราน สนธิสัญญานี้สอดรับกับการ “ปรับปรุงยุทธศาสตร์นิวเคลียร์” ของรัสเซียเมื่อปลายปี 2567 ที่เพิ่งผ่านมาซึ่งเป็นครั้งแรกที่เบลารุสได้รับความคุ้มครองโดย “ร่มนิวเคลียร์” ของรัสเซีย ท่ามกลางความตึงเครียดต่อชาติตะวันตกจากกรณีวิกฤตยูเครน
ลูกาเชนโก ผู้นำเบลารุสซึ่งบริหารประเทศยาวนานกว่า 30 ปี และพึ่งพาสนับสนุนทางเศรษฐกิจและความมั่นคงจากเครมลิน เปิดทางให้รัสเซียใช้ดินแดนของตนในการส่งทหารเข้ายูเครนตั้งแต่ปี 2022 รวมทั้งอนุญาตให้รัสเซียประจำการอาวุธนิวเคลียร์ยุทธวิธีบางส่วน โดยตัวเลขไม่ได้เปิดเผย แต่ลูกาเชนโกให้สัมภาษณ์ในเดือนธันวาคมว่าขณะนี้เบลารุสมีหัวรบนิวเคลียร์หลายสิบลูกในประเทศ
การนำอาวุธนิวเคลียร์ยุทธวิธีไปไว้ในเบลารุส ซึ่งมีพรมแดนติดยูเครนยาวถึง 1,084 กิโลเมตร (673 ไมล์) จะเปิดทางให้รัสเซียโจมตีเป้าหมายในยูเครนหรือในกลุ่มพันธมิตร NATO ตามแนวชายแดนยุโรปตะวันออก-กลางได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น นับเป็นการขยายศักยภาพขีปนาวุธ–นิวเคลียร์ของรัสเซียต่อค่ายตะวันตก
เอกสารยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ฉบับใหม่ที่ปูตินลงนามเมื่อปลายปีที่แล้วยังได้ลดเงื่อนไข-ขั้นตอนสำหรับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยระบุชัดว่ารัสเซียสามารถใช้ขีปนาวุธนิวเคลียร์ “เพื่อตอบโต้การใช้อาวุธทำลายล้างสูง ไม่ว่าจะเป็นนิวเคลียร์หรืออื่นๆ ต่อรัสเซียหรือพันธมิตร หรือกรณีถูกรุกรานด้วยอาวุธทั่วไปที่คุกคามอธิปไตยหรือบูรณภาพดินแดนของตนและพันธมิตร” โดยระบุถึง “เบลารุส” ในฐานะพันธมิตรตามสนธิสัญญาล่าสุด
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.yahoo.com/news/articles/putin-says-russias-hypersonic-missile-125954103.html