ศาลสหรัฐฯ พิจารณาความชอบด้วยกฎหมาย “ภาษีตอบโต้”

ศาลสหรัฐฯ พิจารณาความชอบด้วยกฎหมาย “ภาษีตอบโต้” ทรัมป์ เสี่ยงสั่นคลอนอำนาจเจรจาการค้า
1-8-2025
SCMP รายงานว่า ศาลอุทธรณ์กลางสหรัฐฯ (US Court of Appeals for the Federal Circuit) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้เปิดไต่สวนคำร้องท้าทายการใช้อำนาจพิเศษตาม International Emergency Economic Powers Act (IEEPA) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ในการประกาศ “ภาษีตอบโต้” (reciprocal tariffs) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์นี้ โดยมีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนทิศทางอำนาจต่อรองของสหรัฐฯ บนเวทีเจรจาการค้ากับจีนและพันธมิตรรายใหญ่
คดีนี้พิจารณาคำร้องของกลุ่มธุรกิจและ 12 มลรัฐ นำโดย Oregon กับบริษัท V.O.S. Selections ผู้นำเข้านิวยอร์ก ซึ่งโต้แย้งว่า ทรัมป์ใช้อำนาจผ่าน IEEPA เกินกรอบที่กฎหมายให้ไว้ เพราะไม่เคยมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดเคยอ้างกฎหมายฉุกเฉินนี้ขึ้นภาษีศุลกากรมาก่อน ศาลรับฟังข้อโต้แย้งจากนาย Brett Shumate ผู้แทนกระทรวงยุติธรรมที่ยืนยันว่า IEEPA ให้อำนาจประธานาธิบดีสูงสุดในการควบคุมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาวะฉุกเฉิน และสามารถ “ควบคุมการนำเข้า” ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
ผู้พิพากษาส่วนใหญ่ซักถามอย่างเข้มข้นในประเด็นที่ IEEPA ไม่ได้บัญญัติขอบเขตเกี่ยวกับ “การเก็บภาษีศุลกากร” โดยตรง หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าการประกาศให้ “การขาดดุลการค้า” เป็นภาวะฉุกเฉินระดับชาติ อ้างอิงความพร้อมและสมเหตุสมผลหรือไม่
ประเด็นทางรัฐธรรมนูญยังถูกหยิบยกโดยสมาชิกวุฒิสภา รันด์ พอล (Rand Paul) พรรครีพับลิกัน ที่ตั้งคำถามต่อหน้าสื่อว่า “ประธานาธิบดีหนึ่งคนมีสิทธิ์ขึ้นภาษีเทียบเท่าเก็บภาษีประชาชนโดยไม่ผ่านสภาคองเกรสหรือ?” และเสริมว่าหากคดีนี้สู้ถึงศาลฎีกาขั้นสุดท้าย ผลพิพากษาที่ล่าช้าอาจมีผลไม่ทันดีลการค้าชุดที่รัฐบาลทรัมป์ทำไว้
ด้านวุฒิสมาชิกทิม เคน (Tim Kaine) พรรคเดโมแครต เสริมว่ารัฐสภาสหรัฐฯ ทั้งสองพรรคได้มอบอำนาจสู่ทำเนียบขาวมากเกินไปในเรื่องเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ก่อให้เกิดปัญหาอำนาจถ่วงดุลตามหลักการปกครอง
คดีนี้ต่อยอดจากคำตัดสินของศาล International Trade Court เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาที่ “ตีตก” ภาษี Liberation Day และภาษีที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิล โดยศาลเห็นว่า IEEPA ไม่ให้อำนาจกว้างขวางต่อผู้นำขนาดนั้น รัฐบาลทรัมป์ยื่นอุทธรณ์ และศาลกลางในวอชิงตันเร่งกระบวนพิจารณาให้ทันก่อนมาตรการภาษีใหม่จะมีผลเต็มรูปแบบ
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าศาลอาจเร่งออกคำตัดสินในช่วงปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นกันยายน หากผลไม่เป็นคุณต่อรัฐบาล ทรัมป์อาจยื่นขอ “stay” คำตัดสินต่อ และเตรียมสู้ถึงศาลฎีกา
การพิจารณาครั้งนี้ บทสรุปทางกฎหมายจะกระทบโดยตรงต่ออำนาจต่อรองการค้าระดับโลกของสหรัฐฯ ทั้งในเกมกับจีน อินเดีย แคนาดา เม็กซิโก และอีกหลายชาติ เพราะเป็นมิติใหม่ที่ศาลต้องตัดสินว่าอำนาจขึ้นภาษีในการประกาศ “ภาวะฉุกเฉิน” แบบทรัมป์นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เครือข่ายธุรกิจ นำเข้าและตัวแทนรัฐต่างๆ เฝ้าติดตามความคืบหน้า เพราะหากศาลขยายอำนาจอนุญาตตามที่รัฐบาลอ้าง อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่ต่อการใช้อำนาจทางเศรษฐกิจโดยผู้นำในอนาคต ขณะที่หากศาลยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ผลกระทบจะลามถึงข้อตกลงการค้าและดีลใหม่ๆ ที่สหรัฐฯ อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทั่วโลก
ฝั่งทำเนียบขาวแถลงไม่เห็นด้วยกับการปล่อยให้ “ผู้พิพากษาไร้การเลือกตั้ง” เป็นผู้ตัดสินการรับมือภาวะฉุกเฉินของประเทศ โดยรัฐบาลขอให้หยุดคำตัดสินของ ITC ไว้ชั่วคราว และเร่งอุทธรณ์ว่าข้อห้ามของศาลชั้นต้นจะ “ตัดขาทีมบริหาร” ในการจัดการปัญหาขาดดุลการค้าและวิกฤติโดยเฉพาะเรื่องการแพร่ระบาดเฟนทานิล
ทั้งนี้ ผลสรุปของคดีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในภูมิทัศน์การค้าระหว่างประเทศและบทบาทอำนาจรัฐธรรมนูญของผู้นำสหรัฐฯ ในการใช้ “มาตรการพิเศษ” กับนโยบายเศรษฐกิจในยุคภูมิรัฐศาสตร์ใหม่
---
IMCT NEWS
ที่มา https://sc.mp/mfe2r?utm_source=copy-link&utm_campaign=3320203&utm_medium=share_widget