.

สหรัฐฯ เดินเกมใหม่ ผลักภาระพันธมิตรเอเชียเพิ่มงบต้านจีน สั่งยุโรปโฟกัสรัสเซีย-ห้ามยุ่งอินโด-แปซิฟิก
16-7-2025
SCMP รายงานว่า สหรัฐฯ เดินเกมใหม่ ผลักภาระพันธมิตรเอเชียต้านจีน ขณะกีดกันยุโรปออกจากอินโด-แปซิฟิก สถานการณ์โลกกำลังเปลี่ยนทิศ เมื่อปรากฏข้อมูลจากวงในว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ขอให้พันธมิตรยุโรป เช่นอังกฤษและชาติอื่น ๆ หลีกเลี่ยงการส่งกำลังเข้าอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific) เพื่อโฟกัสเฉพาะการยับยั้งรัสเซีย (Russia) ในยุโรป ขณะที่บทบาทสำคัญในการต้านจีน (China) ถูกโยนไปยังพันธมิตรฝั่งเอเชีย
รายงานจากสำนักข่าว Politico เมื่อวันอังคารระบุว่า เอลบริดจ์ คอลบี (Elbridge Colby) รัฐมนตรีช่วยกลาโหมฝ่ายนโยบาย ถึงขั้นพยายามห้ามอังกฤษส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าสู่อินโด-แปซิฟิก แต่ไม่สำเร็จ โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า คอลบีแสดงท่าทีชัดเจนว่า "ยุโรปไม่มีธุระอะไรในอินโด-แปซิฟิก" และสหรัฐฯ เองก็ "ไม่ต้องการให้ยุโรปเข้าไปทำอะไรในภูมิภาคนี้"
### การปรับบทบาทยุทธศาสตร์: จีน-ยุโรป-พันธมิตรสหรัฐฯ
ดร.ลิเซล็อต โอดการ์ด (Liselotte Odgaard) แห่ง Hudson Institute วิเคราะห์ว่ายุทธศาสตร์ล่าสุดของสหรัฐฯ จะขยายแรงกดดันให้พันธมิตรเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น (Japan), เกาหลีใต้ (South Korea), ออสเตรเลีย (Australia) ต้องเพิ่มบทบาท ต้านอิทธิพลจีนมากขึ้น
“การขอให้ยุโรปถอนตัวจากอินโด-แปซิฟิก ไม่ใช่ว่าไม่ต้องเข้มงวดกับจีนในมิติอื่น สหรัฐฯ กลับยิ่งกดดันยุโรปในประเด็นควบคุมการส่งออก และความร่วมมือกับรัสเซียในอาร์กติก” โอดการ์ดกล่าว
แต่ประเด็นสำคัญคือ สหรัฐฯ ต้องการกันบทบาทยุโรปออกจากเกมต้านจีนในทวีปเอเชีย เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากในความร่วมมือทางทหารกับพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกและแผน deterrence ที่ออกแบบไว้
- สหรัฐฯ ยังผลักดันเป้าหมายให้ยกระดับงบกลาโหมของพันธมิตรเป็น 5% ของ GDP — ทั้งในยุโรปและเอเชีย
### ญี่ปุ่น-ออสเตรเลียตกเป็นเป้า กดดันเพิ่มงบ สัญญาณขัดแย้งภายในพันธมิตร
รายงานระบุว่าคอลบีกดดันให้ญี่ปุ่นตั้งงบกลาโหมไม่ต่ำกว่า 5% ของ GDP สร้างความไม่พอใจต่อรัฐบาลชิเกรุ อิชิบะ (Shigeru Ishiba) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ตกลงไว้กับสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้แค่ 3-3.5% และล่าสุด Financial Times เผยว่ายังมีแรงกดดันต่อออสเตรเลียและญี่ปุ่น ให้ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าพร้อมทำหน้าที่ใดบ้างหากเกิดสงครามจีน-สหรัฐฯ รอบไต้หวัน (Taiwan)
### ผลักเกาหลีใต้พัฒนากำลังรบ ชงลดฐานทัพสหรัฐฯ
คอลบียังส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ กำลังทบทวนสถานะกำลังพลในอินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะ "กองกำลังสหรัฐฯ กว่า 28,000 นายในเกาหลีใต้" เพื่อโยกไปต้านจีน
- สหรัฐฯ-ญี่ปุ่นถือเป็นพันธมิตรด้วยสนธิสัญญาระดับภูมิภาค ขณะที่กองกำลังในเกาหลีใต้มีหน้าที่ปกป้องโซล ตามเจตนารมณ์เดิม
แต่รายงานจาก Defence Priorities ชี้ว่าจำนวนทหารสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้อาจต้องลดลงเหลือ 10,000 นาย อ้างอิงว่ากองทัพเกาหลีใต้มีขีดความสามารถต้านภาคเหนือได้แล้ว ข้อเสนอให้ย้ายกำลังไปยึดเกาะกวม (Guam) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นรับมือวิกฤต
- ทรัมป์ (Donald Trump) ยืนยันในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าต้องการให้โซลเพิ่มงบกลาโหมจ่ายส่วนแบ่งค่าใช้งานฐานทัพแม้ตัวเลขทหารที่อ้างจะสูงกว่าความจริง
### นักวิชาการ/นักยุทธศาสตร์สหรัฐฯ มองเป้าเดียวกัน
ดร.รามอน ปาเชโก ปาโดร (Ramon Pacheco Pardo) จาก King’s College London มองว่าสหรัฐฯ ต้องการให้ยุโรปโฟกัสเพียงรัสเซีย ทิ้งบทบาทอินโด-แปซิฟิกไว้ให้เอเชีย ขณะที่จอห์น แบรดฟอร์ด (John Bradford) ผู้เชี่ยวชาญเอเชีย-แปซิฟิก ย้ำว่าสหรัฐฯ เชื่อว่าทรัพยากรพันธมิตรควรใช้สร้างความแข็งแกร่งภายใน ไม่จำเป็นต้อง deploy ไกลข้ามซีกโลก
### สัญญาณใหม่: โครงสร้างพันธมิตรโลกเปลี่ยน-อาเซียนควรจับตา
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าทิศทางคิดนี้ “ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่สายเหยี่ยวคนเดียวอีกต่อไป แต่เป็นขั้วอำนาจใหม่ในวอชิงตัน” และยุทธศาสตร์ร่วมโลกตะวันตก-เอเชียกำลังสั่นคลอน ชาติพันธมิตรเอเชียต้องทบทวนบทบาทใหม่ในสมการกดดันจีน
### สรุป
นโยบายของสหรัฐฯ ที่ผลักดันให้เอเชียรับบทผู้นำในการต้านจีน ขณะที่กันยุโรปออกจากสมรภูมิอินโด-แปซิฟิก สะท้อนสมการอำนาจโลกที่เปลี่ยนเร็ว วัดด้วยงบกลาโหม ภาระพันธมิตร และตำแหน่งฐานทัพ กำลังตั้งโจทย์ใหม่ให้ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และพันธมิตรอื่น ๆ ทบทวนยุทธศาสตร์หลังวอชิงตันโยน ‘คำขาด’ ในยุคสงครามเย็นรอบใหม่ของเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โลก
-----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/news/china/military/article/3318119/us-pushing-its-asian-allies-do-more-counter-china?module=top_story&pgtype=homepage