NATO เตือนจีนขยายกองทัพขนาดใหญ่

NATO เตือนจีนขยายกองทัพขนาดใหญ่ เสี่ยงลากรัสเซียและยุโรปสู่ความขัดแย้งช่องแคบไต้หวัน
24-6-2025
มาร์ก รุตเต้ (Mark Rutte) เลขาธิการนาโต (NATO) เตือนว่า การเสริมกำลังทหารขนาดใหญ่ของจีน (China) กำลังเพิ่มความเสี่ยงของความขัดแย้งในช่องแคบไต้หวัน (Taiwan Strait) ซึ่งอาจนำไปสู่การที่รัสเซีย (Russia) และกองกำลังยุโรปต้องเข้ามามีส่วนร่วมในความขัดแย้งด้วย
รุตเต้กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนการประชุมสุดยอดนาโตที่จะมีขึ้นในกรุงเฮก (The Hague) ในสัปดาห์นี้ว่า นาโตมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพันธมิตรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ขณะเดียวกันก็เร่งพัฒนาและเสริมฐานอุตสาหกรรมด้านการป้องกันประเทศของสมาชิก
เมื่อถูกถามว่านาโตจะเข้าช่วยเหลือสหรัฐฯ หากจีนพยายามรุกรานไต้หวันหรือไม่ รุตเต้ตอบว่า พันธมิตรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก “ตระหนักดีมาก” ถึงการเสริมกำลังทหารขนาดใหญ่ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (People’s Liberation Army)
เลขาธิการนาโตชี้ว่า บริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของจีนหลายแห่งติดอันดับผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของโลก และการขยายกำลังครั้งนี้ถือเป็นระดับที่ “ไม่เคยมีมาก่อน” รุตเต้กล่าวว่า ความสามารถในการผลิตอาวุธที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากไม่เพียงแต่ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความมั่นคงของยุโรปด้วย
“พวกเขาไม่ได้ทำเพียงเพื่อจัดงานสวนสนามที่กรุงปักกิ่งเท่านั้น ผมคิดว่ามีเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลัง” เขากล่าว
รุตเต้ยังกล่าวว่า นาโตทุกฝ่ายกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์ในไต้หวัน และตระหนักถึงความเสี่ยงที่จีนแผ่นดินใหญ่จะดำเนินการใดๆ กับไต้หวัน
“เรายังทราบดีว่า หากจีนพยายามทำอะไรกับไต้หวัน พวกเขาจะเรียกร้องให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) เข้ามาช่วย และทำให้พันธมิตรระดับรองต้องสร้างความวุ่นวายให้เราในยุโรป” รุตเต้กล่าว
“นี่คือเหตุผลหนึ่งที่เราต้องเตรียมพร้อม เราไม่สามารถประมาทได้ ต้องชัดเจนในเรื่องนี้ และนั่นคือเหตุผลที่การเสริมกำลังด้านการป้องกันเป็นเรื่องสำคัญมาก”
จีนมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนที่ต้องรวมชาติให้เป็นหนึ่งเดียว แม้หลายประเทศรวมถึงสหรัฐฯ จะไม่รับรองไต้หวันเป็นรัฐอิสระ แต่สหรัฐฯ คัดค้านการใช้กำลังยึดเกาะนี้และผูกพันที่จะส่งมอบอาวุธให้ไต้หวัน
รุตเต้กล่าวในวันจันทร์ว่า การประชุมสุดยอดนาโตครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ “มีความท้าทายต่อความมั่นคงยุโรปอย่างรุนแรงและเพิ่มมากขึ้น” ซึ่งสถานการณ์กำลังทวีความอันตราย เขาเชื่อว่าการประชุมจะทำให้องค์กรพันธมิตร “แข็งแกร่งขึ้น ยุติธรรมขึ้น และพร้อมรบมากขึ้น” โดยสมาชิกจะเพิ่มเป้าหมายการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศจากระดับพื้นฐานเดิม 2% ของจีดีพี (GDP) เป็นสูงสุดถึง 5%
แผนการลงทุนนี้รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันทางอากาศเป็น 5 เท่า การจัดหารถถังและยานเกราะเพิ่มขึ้นหลายพันคัน รวมถึงกระสุนใหม่หลายล้านนัด ซึ่งสะท้อนผลกระทบจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อในยูเครนเป็นเวลานานกว่า 3 ปี
รุตเต้เรียกรัสเซียว่าเป็น “ภัยคุกคามที่สำคัญและตรงที่สุด” ต่อกลุ่มนาโต เนื่องจากการรุกรานยูเครน และกล่าวว่ารัสเซียได้รับการสนับสนุนจากเกาหลีเหนือ จีน อิหร่าน และเบลารุส โดยย้ำว่านาโตจะยังคงสนับสนุนเคียฟในการป้องกันภัยคุกคามทางทหารจากมอสโก รุตเต้เสริมว่า แคนาดาและสมาชิกนาโตในยุโรปได้เพิ่มความช่วยเหลือยูเครนจาก 20,000 ล้านยูโร (23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็น 35,000 ล้านยูโรแล้ว อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่านาโตต้องทำ “มากกว่านี้อีก” ในการปกป้องดินแดนพันธมิตร และเรียกร้องให้ “ผู้เล่นหน้าใหม่” อย่างพันธมิตรอินโด-แปซิฟิกทั้ง 4 ประเทศช่วยรักษาความได้เปรียบทางเทคโนโลยีของนาโต
แม้ผู้นำญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลียจะไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดปีนี้ รุตเต้กล่าวว่านาโตยังคง “ติดต่ออย่างใกล้ชิด” กับพันธมิตรทั้ง 4 ประเทศในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
“ความสัมพันธ์ระหว่างนาโตกับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเป็นเรื่องสำคัญมาก” เขากล่าว “ภูมิภาคยุโรป-แอตแลนติกและอินโด-แปซิฟิกเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด”
นอกจากความสามารถทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีนแล้ว นาโตยังต้องเผชิญกับการเสริมกำลังของรัสเซีย เกาหลีเหนือ และอิหร่าน โดยรุตเต้กล่าวว่าสงครามยูเครนกลายเป็นเรื่องที่ “เกี่ยวข้องกับทั้งโลก ไม่ใช่แค่ภูมิภาค”
สำหรับความขัดแย้งล่าสุดระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งสหรัฐฯ ได้โจมตีเป้าหมายนิวเคลียร์ของอิหร่าน รุตเต้กล่าวว่านาโตเชื่อว่า เตหะราน “ต้องไม่พัฒนานิวเคลียร์” และต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์
คำกล่าวของรุตเต้และการประชุมสุดยอดนาโตเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลางและภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะบริเวณช่องแคบไต้หวัน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐฯ ประกาศว่ากองทัพสหรัฐฯ ได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายในอิหร่าน หลังเกิดการยิงขีปนาวุธหลายวันระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ทรัมป์กล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้เป็น “ความสำเร็จทางทหารที่ยิ่งใหญ่” และเตือนว่า อิหร่านต้องหาทางออกทางการทูต มิฉะนั้นจะเผชิญกับการโจมตีที่รุนแรงกว่านี้ในอนาคต
ขณะที่เมื่อวันพุธ กองทัพเรืออังกฤษ (Royal Navy) ได้ส่งเรือ HMS Spey ลาดตระเวนในช่องแคบไต้หวันเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี โดยปักกิ่งวิจารณ์การเดินเรือครั้งนี้ว่าเป็นการยั่วยุที่จงใจและทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3315549/beijings-massive-build-raises-threat-taiwan-strait-conflict-nato-chief