.

ทรัมป์' เสนอรับ 'จีนและรัสเซีย' เข้า G7 ฝรั่งเศสค้าน ชี้ขัดหลักการจุดยืนกลุ่มผู้นำโลกเสรี
18-6-2025
SCMP รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาสร้างความขัดแย้งในการประชุมสุดยอดกลุ่ม G7 ที่แคนาดา เมื่อแสดงความเห็นว่าสหรัฐฯ ยินดีต้อนรับทั้งจีนและรัสเซียเข้าร่วมกลุ่ม ซึ่งขัดแย้งโดยตรงกับจุดยืนของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว 7 ชาติที่มีต่อทั้งสองประเทศ
ในการประชุมสุดยอด G7 ที่เมืองคานานาสกิส รัฐอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวอย่างชัดเจนว่าการขับไล่รัสเซียออกจากกลุ่ม G8 เดิมในปี 2557 เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ โดยรัสเซียถูกกีดกันออกจากกลุ่มภายหลังการยึดครองและผนวกแคว้นไครเมียของยูเครน ซึ่งองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) ก็ได้ระงับความร่วมมือทางพลเรือนและการทหารกับรัสเซียในช่วงเวลาเดียวกัน
ประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่าหากรัสเซียยังคงอยู่ในกลุ่ม สงครามในยูเครนอาจไม่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่า "คุณจะไม่มีสงครามแบบนั้น เมื่อคุณมีศัตรูอยู่ร่วมโต๊ะเจรจา ผมไม่คิดว่าเขา [ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน] เป็นศัตรูจริงๆ ในตอนนั้น"
นอกจากนี้ เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ในการรับจีนเข้าร่วมกลุ่ม ประธานาธิบดีทรัมป์ตอบว่า "ไม่ใช่ความคิดที่แย่ ผมไม่รังเกียจ หากมีใครต้องการเสนอให้จีนเข้ามา ผมคิดว่าเราควรมีคนที่สามารถพูดคุยด้วยได้"
ท่าทีดังกล่าวขัดแย้งอย่างชัดเจนกับจุดยืนของกลุ่ม G7 ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2564 ในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กลุ่มเริ่มมีจุดยืนแข็งกร้าวต่อจีนในประเด็นสิทธิมนุษยชนและการค้า และตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2565 แถลงการณ์ G7 ได้วิพากษ์วิจารณ์ทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกล่าวหาว่าหน่วยงานบางแห่งในจีนสนับสนุนการทำสงครามของรัสเซีย
ในแถลงการณ์ร่วมของ G7 ปีที่แล้วที่อิตาลี กลุ่มประเทศได้ระบุชัดเจนว่าจะดำเนินมาตรการต่อหน่วยงานในจีนและประเทศที่สามที่สนับสนุนกลไกสงครามของรัสเซีย รวมถึงสถาบันการเงินและหน่วยงานอื่นๆ ที่อำนวยความสะดวกให้รัสเซียจัดหาอุปกรณ์สำหรับฐานอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
แถลงการณ์ยังวิพากษ์วิจารณ์นโยบายและแนวปฏิบัติที่ไม่ใช่กลไกตลาดของจีน ซึ่งนำไปสู่การบิดเบือนตลาดและกำลังการผลิตส่วนเกินที่สร้างความเสียหายในหลายภาคส่วน ส่งผลกระทบต่อแรงงาน อุตสาหกรรม และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศสได้แสดงความเห็นที่แตกต่างอย่างชัดเจน โดยปฏิเสธแนวคิดที่ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอให้รัสเซียเป็นคนกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน โดยให้เหตุผลว่ามอสโกไม่สามารถเป็นผู้เจรจาได้เนื่องจากเป็นผู้เริ่มสงครามที่ผิดกฎหมายกับยูเครน ความเห็นที่ขัดแย้งนี้อาจกลายเป็นประเด็นสร้างความตึงเครียดในการประชุมสุดยอด G7 ครั้งนี้
สถานทูตจีนประจำวอชิงตันตอบสนองต่อคำกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างระมัดระวัง โดยหลิว เผิงหยู่ โฆษกสถานทูต กล่าวเพียงว่าองค์กรหรือการประชุมระหว่างประเทศใดๆ ควรช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างประเทศ สนับสนุนพหุภาคีนิยม และส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาของโลก
การประชุมสุดยอด G7 ครั้งนี้มีกำหนดการสำคัญคือการเข้าร่วมของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนและเลขาธิการ NATO มาร์ก รุตเต ในวันอังคาร โดยเจ้าหน้าที่ยุโรปหวังใช้โอกาสนี้และการประชุมสุดยอด NATO สัปดาห์หน้าเพื่อโน้มน้าวให้ประธานาธิบดีทรัมป์มีจุดยืนที่แข็งกร้าวขึ้นต่อรัสเซีย
ประธานาธิบดีมาครงเน้นย้ำว่า G7 ควรมีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศสมาชิกกลับมาสามัคคีกันอีกครั้ง และช่วยให้ยูเครนบรรลุข้อตกลงหยุดยิงที่นำไปสู่สันติภาพที่แข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมตั้งคำถามว่าประธานาธิบดีทรัมป์พร้อมที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดขึ้นต่อรัสเซียหรือไม่
---
IMCT NEWS
ที่มา https://sc.mp/9r5r9?utm_source=copy-link&utm_campaign=3314660&utm_medium=share_widget