.

ทรัมป์ปฏิเสธช่วยหนุนกองทัพอังกฤษในยูเครน
28-2-2025
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าทหารอังกฤษ “สามารถดูแลตัวเองได้” เมื่อถูกถามว่ากองทัพสหรัฐฯ จะสนับสนุนพวกเขาหรือไม่ หากสหราชอาณาจักรส่งกองกำลังไปยังยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นกับรัสเซีย
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ ได้พบกับทรัมป์ที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดี มีการหารือเกี่ยวกับแผนการเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เขาเรียกว่า “สันติภาพที่เข้มแข็งและเป็นธรรม”
“ผมกำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำยุโรปคนอื่นๆ ในเรื่องนี้ และผมชัดเจนว่าสหราชอาณาจักรพร้อมที่จะส่งทหารลงพื้นดินและเครื่องบินขึ้นสู่อากาศเพื่อสนับสนุนข้อตกลง ร่วมมือกับพันธมิตรของเรา เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่สันติภาพจะยั่งยืน” สตาร์เมอร์บอกกับผู้สื่อข่าวหลังการประชุม
ทรัมป์หลีกเลี่ยงคำถามว่าสหรัฐฯ จะให้การสนับสนุนหรือไม่ หากการส่งกำลังดังกล่าวนำไปสู่การปะทะกับกองกำลังรัสเซีย โดยบอกกับนักข่าวก่อนการประชุมว่าอังกฤษ “ไม่ต้องการความช่วยเหลือมากนัก”
“พวกเขาสามารถดูแลตัวเองได้ดีมาก… มันอาจฟังดูเหมือนการหลบเลี่ยง แต่ไม่ใช่การหลบเลี่ยง คุณรู้ไหม ชาวอังกฤษเป็นทหารที่ยอดเยี่ยม กองทัพที่น่าทึ่ง และพวกเขาสามารถดูแลตัวเองได้” ทรัมป์กล่าว “ถ้าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ ผมจะอยู่เคียงข้างชาวอังกฤษเสมอ โอเคไหม? ผมจะอยู่กับพวกเขาเสมอ – แต่พวกเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือ”
จากนั้น สตาร์เมอร์ ได้ยกย่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรว่าเป็น “พันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคง” พร้อมเสริมว่า “เมื่อใดก็ตามที่จำเป็น เราจะสนับสนุนกันและกันอย่างเต็มที่…”
“คุณจะรับมือกับรัสเซียได้ด้วยตัวเองไหม?” ทรัมป์ขัดจังหวะ หันไปยิ้มให้สตาร์เมอร์
“เอ่อ…” นายกรัฐมนตรีอังกฤษตอบพร้อมกับเสียงหัวเราะจากผู้ชม ก่อนที่ทรัมป์จะเปลี่ยนไปถามคำถามอื่น
การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง รายงานว่าไม่สามารถได้รับการรับประกันมาตรการความปลอดภัยที่ชัดเจนจากสหรัฐฯ สำหรับยูเครน ระหว่างการเจรจากับทรัมป์ในวอชิงตัน
ทรัมป์เคยกล่าวว่าเขาได้หารือ “รูปแบบการรักษาสันติภาพบางอย่าง” กับวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย และอ้างว่าปูติน “ไม่มีปัญหา” กับแนวคิดนี้ อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ระบุว่ามอสโกไม่ได้รับการปรึกษาในเรื่องนี้
ลาฟรอฟกล่าวว่าแนวคิดการส่งทหารต่างชาติไปยังยูเครนนั้นถูกผลักดันโดย “ชาวยุโรป โดยเฉพาะฝรั่งเศสและอังกฤษ” โดยบ่งชี้ว่านี่คือการ “เพิ่มความร้อนแรงให้กับความขัดแย้งและหยุดยั้งความพยายามใดๆ ที่จะทำให้มันสงบลง”
มอสโกได้คัดค้านการส่งกองกำลังรักษาสันติภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตไปยังยูเครนซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเตือนว่าหากไม่มีอาณัติจากสหประชาชาติ พวกเขาจะถูกพิจารณาว่าเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย
ลาฟรอฟยืนยันว่าการพูดคุยใดๆ เกี่ยวกับกองกำลังรักษาสันติภาพในยูเครนนั้น “ว่างเปล่า” และลำดับความสำคัญควรอยู่ที่การแก้ไขปัญหาพื้นฐานของความขัดแย้ง – รวมถึงความพยายามที่จะนำเคียฟเข้ามาในนาโต้ และการวางโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของชาติตะวันตกใกล้ชายแดนรัสเซีย
ที่มา RT
---------------------------------------
นายกฯ อังกฤษเยือนทำเนียบขาวหารือทรัมป์ มุ่งขอยกเว้นภาษีและแก้ปัญหายูเครน
28-2-2025
Newsweek รายงานว่า นายกรัฐมนตรี คีร์ สตาร์เมอร์ แห่งสหราชอาณาจักรได้เดินทางเยือนทำเนียบขาวเพื่อพบปะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนและประเด็นภาษีศุลกากร
สตาร์เมอร์พยายามใช้ประโยชน์จาก "ความสัมพันธ์พิเศษ" ระหว่างอังกฤษกับสหรัฐฯ เพื่อโน้มน้าวให้ทรัมป์ยกเว้นภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ เพิ่งเรียกเก็บจากประเทศยุโรป และเสนอตัวเป็นสะพานเชื่อมระหว่างทำเนียบขาวกับยุโรป หลังจากเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้เรียกเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจากประเทศในยุโรปสูงถึง 25 เปอร์เซ็นต์ โดยทรัมป์ยังขู่ว่าจะเรียกเก็บเพิ่มเติม เนื่องจากเชื่อว่าสหภาพยุโรปปฏิบัติต่อสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นธรรม
ผลการหารือในประเด็นนี้ดูจะเป็นไปในทิศทางที่ดี เมื่อทรัมป์กล่าวว่าเขา "ยอมรับอย่างมาก" ต่อความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหราชอาณาจักรที่จะช่วยให้อังกฤษหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรได้
"เขา ทำงานหนักมาก ผมคิดว่าเราอาจจะจบลงด้วยข้อตกลงการค้าที่แท้จริงและภาษีศุลกากรจะไม่จำเป็นต้องมี เราต้องดูกันต่อไป" ทรัมป์กล่าว เมื่อถูกถามว่านายกรัฐมนตรีอังกฤษพยายามโน้มน้าวเขาให้ยกเว้นภาษีหรือไม่
ความเห็นต่างเรื่องยูเครนและความสัมพันธ์กับรัสเซีย
ในประเด็นยูเครน นายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์ได้เตือนประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ให้เข้าข้าง "ผู้รุกราน" ในระหว่างการเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยย้ำว่า "ไม่มีสันติภาพใดที่จะตอบแทนผู้รุกรานได้"
ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่าการเจรจาเพื่อยุติสงคราม "มีความคืบหน้าไปมาก" และแสดงความมั่นใจว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียจะรักษาคำพูด "ผมคิดว่าเขาจะรักษาคำพูดของเขา" ทรัมป์กล่าว พร้อมระบุถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวว่า "ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับประธานาธิบดีปูติน"
ที่น่าสนใจคือ ทรัมป์ยังได้ถอนคำพูดที่เคยเรียกประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนว่าเป็น "เผด็จการ" ซึ่งสร้างความตกตะลึงไปทั่วยุโรปเมื่อสัปดาห์ก่อน เมื่อถูกถามว่ายืนกรานกับความเห็นดังกล่าวหรือไม่ ทรัมป์ดูเหมือนจะแปลกใจ โดยตอบว่า "ผมพูดอย่างนั้นเหรอ? ผมไม่เชื่อเลยว่าผมพูดแบบนั้น" ก่อนที่จะเปลี่ยนไปตอบคำถามอื่น
ทรัมป์ยังยกย่องเซเลนสกีระหว่างการแถลงข่าวครั้งนี้ ว่า "เรามีความเคารพต่อเขามาก ผมเคารพเขามาก เราให้อุปกรณ์และเงินมากมายกับเขา และพวกเขาต่อสู้อย่างกล้าหาญมาก" พร้อมเสริมว่าเขาและเซเลนสกีจะมี "การพบกันที่ดีมาก" ในวันศุกร์นี้
ข้อตกลงแร่ธาตุและการสนับสนุนยูเครน ทรัมป์เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ เขาจะพบกับประธานาธิบดีเซเลนสกีเพื่อลงนามในข้อตกลงสำคัญที่จะให้สหรัฐฯ เข้าถึงแหล่งแร่ธาตุหายากและทรัพยากรแร่ธาตุอื่นๆ ของยูเครน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการยุติสงครามโดยเร็ว
"ข้อตกลงนี้เป็นจุดคุ้มกัน (backstop) เพราะผมไม่คิดว่าใครจะกล้าเล่นตลกถ้าเรามีคนงานอเมริกันจำนวนมากอยู่ที่นั่นเพื่อทำงานเกี่ยวกับแร่ธาตุหายากและสิ่งอื่นๆ ที่เราต้องการสำหรับประเทศของเรา" ทรัมป์กล่าว
ในระหว่างการแถลงข่าว ยังเกิดความขัดแย้งเล็กๆ เมื่อสตาร์เมอร์แก้ไขคำกล่าวอ้างของทรัมป์ที่ว่าประเทศในยุโรปที่ให้ความช่วยเหลือยูเครน 'ได้เงินคืน' โดยนายกรัฐมนตรีอังกฤษชี้แจงว่า "เราไม่ได้รับความช่วยเหลือทั้งหมดคืน เพราะความช่วยเหลือส่วนใหญ่ของเราเป็นการให้และเป็นของขวัญ" ซึ่งสะท้อนเหตุการณ์คล้ายกันกับการเยือนทำเนียบขาวของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศสเมื่อต้นสัปดาห์ ที่ก็ได้แก้ไขข้อกล่าวอ้างเดียวกันของทรัมป์
ประเด็นความสัมพันธ์อังกฤษ-สหรัฐฯ
จังหวะที่น่าสนใจในการพบปะครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อทรัมป์ดูเหมือนจะเพิกเฉยต่อ "ความสัมพันธ์พิเศษ" ระหว่างอังกฤษและสหรัฐฯ เมื่อถูกถามว่าอเมริกาจะสนับสนุนทหารอังกฤษหรือไม่ หากพวกเขาถูกโจมตีจากรัสเซียในขณะที่ปกป้องยูเครน ทรัมป์ตอบว่า "อังกฤษเป็นทหารที่ยอดเยี่ยม เป็นกองทัพที่ยอดเยี่ยม พวกเขาสามารถดูแลตัวเองได้"
สตาร์เมอร์พยายามกล่าวถึงความสำคัญของ "ความสัมพันธ์พิเศษ" ที่มีมาตั้งแต่ปี 2487 โดยระบุว่า "เราอยู่ที่นั่นเสมอ คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี่คือพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงที่โลกเคยเห็น เมื่อใดก็ตามที่จำเป็น เราจะคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างแน่นอน"
แต่ทรัมป์กลับถามสวนกลับว่า "คุณสามารถรับมือกับรัสเซียด้วยตัวเองได้หรือ? คำถามต่อไป" ซึ่งสร้างความอึดอัดให้กับบรรยากาศในห้องแถลงข่าว
ในด้านนโยบายภายในของสหรัฐฯ ทรัมป์ยังได้ประกาศนโยบายสำคัญอื่นๆ ระหว่างสัปดาห์นี้ รวมถึงแผนเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคม 2568 และการเปิดศูนย์กักขังผู้อพยพแห่งแรกในรัฐนิวเจอร์ซีย์ภายใต้การบริหารของเขา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวด
การพบปะระหว่างนายกรัฐมนตรีสตาร์เมอร์และประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรป โดยเฉพาะหลังจากที่ทรัมป์กล่าวหาว่าสหภาพยุโรปถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ "เอาเปรียบ" สหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ และการที่รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์กล่าวหาหลายประเทศในยุโรปรวมถึงอังกฤษว่า "ละเมิดเสรีภาพในการพูด" ระหว่างการประชุมความมั่นคงมิวนิกเมื่อต้นเดือน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.newsweek.com/british-pm-starmer-white-house-trump-meeting-discuss-ukraine-tariffs-live-updates-2037388