กองทุนมั่งคั่งของนอร์เวย์มองเงินเฟ้อเป็นความเสี่ยงของตลาดมากที่สุดในปีนี้

22-1-2025

Nicolai Tangen หัวหน้ากองทุนความมั่งคั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกกล่าวว่าภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากภาษีถือเป็นความเสี่ยงในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในปี 2025

    “ผมไม่คิดว่าควรให้คำแนะนำใดๆ แก่สหรัฐฯ แต่หากคุณพิจารณาถึงความเสี่ยงต่อตลาดการเงิน ผมคิดว่าอัตราเงินเฟ้อแน่นอน ทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนด้วยภาษี” ซีอีโอของ Norges Bank Investment Management บอกกับ CNBC ที่ การประชุมเศรษฐกิจโลกที่เมืองดาวอส

     “ข้อเสนอแนะหลายข้อที่ออกมาจากสหรัฐฯ ในขณะนี้มีแนวโน้มว่าจะทำให้เกิดเงินเฟ้อ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น อุปทานแรงงานน้อยลง ภาษีศุลกากรอาจเพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนผลักดันอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นมันจึงไม่ได้หมายความว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลง” เขากล่าว

ผู้นำทางการเมืองทั่วโลกกำลังรอดูอย่างกระวนกระวายใจเพื่อดูว่านโยบายการค้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีการดำเนินการอย่างไร หลังจากที่มีการใ้ช้วาทะทางการเมืองที่รุนแรง

      ทรัมป์กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าเขากำลังพิจารณาใช้อัตราภาษี 25% กับเม็กซิโกและแคนาดา ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ สองรายโดยเร็วที่สุดในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนหน้านี้เขาเคยขู่ว่าจะขึ้นภาษีสินค้าจีน 50%-60% และภาษีนำเข้าจากสหภาพยุโรป เว้นแต่กลุ่มจะเพิ่มการซื้อน้ำมันและก๊าซจากสหรัฐฯ

Tangen ของ Norges Bank ยังมองความเสี่ยงหลักต่อตลาด รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น หนี้รัฐบาลในระดับสูง และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ที่เสี่ยงสูงสุดคือการกระจุกตัวในหุ้นสหรัฐฯของกลุ่มกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งเขากล่าวว่า “ไม่เคยมีการกระจุกนตัวที่ยิ่งใหญ่กว่านี้มาก่อน”

อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า "เมื่อพูดถึงทางการเงินเท่านั้น" สำหรับบริษัทหลายแห่งในสหรัฐฯ การกลับมาของทรัมป์จะเป็น "เชิงบวกอย่างมาก"

     “นโยบายจำนวนมากเหล่านี้เราไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย แต่หากเรามองจากมุมมองทางการเงินในฐานะนักลงทุนทางการเงิน โดยทั่วไปแล้วจะน่าตื่นเต้นมาก คุณรู้ไหม เรามีสินทรัพย์มากกว่าครึ่งหนึ่งที่ลงทุนในอเมริกา และเมื่อเราพูดคุยกับซีอีโอชาวอเมริกัน และเราพูดคุยกับพวกเขามากมาย เราเห็นจิตวิญญาณสัตว์กลับมาจริงๆ”

Tangen เป็นผู้นำกองทุนมั่งคั่งอธิปไตยขนาดมหึมาของนอร์เวย์ ซึ่งมีกำไรครึ่งปีแรก 1.48 ล้านล้านโครน (138 พันล้านดอลลาร์) ในปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนหลักจากการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี

ที่มา CNBC