ทองคำทะยานไม่หยุด! คาดทะลุ 8,000 ดอลลาร์ จากวิกฤตหนี้-ภูมิรัฐศาสตร์ร้อนระอุ -โลกเข้าสู่วงจรลดหนี้
19-1-2025
เจาะลึกปัจจัยหนุนราคาทอง 2025 'สงคราม-วิกฤตหนี้' ดันทะลุ 8,000 ดอลลาร์ หลังโลกเข้าสู่วงจรลดหนี้
Moneymetals โดย Jan Nieuwenhuijs รายงานว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งทะยานต่อเนื่องในปี 2025 และปีต่อๆ ไป ท่ามกลางการเข้าสู่วงจรการลดหนี้ (Deleveraging) ของระบบการเงินโลก หลังจากหลายทศวรรษที่มีการสร้างสินเชื่อมากเกินไป นำไปสู่ระดับหนี้ที่สูงเกิน ฟองสบู่สินทรัพย์ และการพึ่งพาทางการเงินระหว่างประเทศที่มากจนเกินควร
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ตราสารทางการเงินแตกต่างจากสินค้าและบริการตรงที่ไม่มี "มูลค่าการใช้งาน" แต่เป็นเพียงตัวกลาง ที่มูลค่าขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม ทองคำเป็นสินทรัพย์เพียงชนิดเดียวที่ไม่มีความเสี่ยงจากคู่สัญญา เพราะไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น และมีประวัติยาวนานกว่า 5,000 ปีในฐานะแหล่งเก็บมูลค่า
ตามทฤษฎีพีระมิดผกผันของ Exter ทองคำอยู่ที่ฐานของระบบการเงิน ตามด้วยสกุลเงินประจำชาติ ตราสารหนี้ ตราสารทุน และตราสารอนุพันธ์ตามลำดับ โดยในช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟู ความเชื่อมั่นในตราสารสินเชื่อจะเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดพีระมิดกว้างขึ้น แต่เมื่อเกิดภาวะถดถอย การผิดนัดชำระหนี้จะทำให้นักลงทุนวิ่งลงมาหาทองคำที่ฐานพีระมิด
ข้อมูลจาก UNCTAD ชี้ว่า สัดส่วนทองคำในเงินสำรองระหว่างประเทศทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากต่ำกว่า 10% ในปี 2558 เป็น 21% ในไตรมาส 3 ปี 2567 สะท้อนการลดพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลเรื่องการใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธทางการเงิน และความยั่งยืนของหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงถึง 122% ของ GDP
ศาสตราจารย์เพอร์รี เมห์รลิง ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ อธิบายว่า ในช่วงเศรษฐกิจเฟื่องฟู เครดิตจะมีลักษณะคล้ายเงินและมีสภาพคล่องสูง แต่ในช่วงหดตัว จะพบว่าทองคำและสกุลเงินไม่ใช่สิ่งเดียวกัน โดยทองคำมีคุณค่ามากกว่า สอดคล้องกับคำกล่าวของ เจ.พี. มอร์แกน ต่อรัฐสภาในปี 1912 ที่ว่า "เงินคือทองคำ และไม่มีอะไรอื่น"
การวิเคราะห์อัตราส่วนระหว่างมูลค่าทองคำกับสินทรัพย์สินเชื่อพบว่า ทุกครั้งที่อัตราส่วนทองคำต่อปริมาณเงินกว้าง (M2) ของสหรัฐฯ ลดลงต่ำกว่า 2.5% จะตามมาด้วยตลาดทองคำขาขึ้น เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในปี 2565 นอกจากนี้ ประวัติศาสตร์ยังชี้ว่าเมื่อหุ้นตกเทียบกับสกุลเงินประจำชาติ ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้น
ในปี 2567 ทองคำให้ผลตอบแทน 26% ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 23% และพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวติดลบ 8.06% สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของตลาด โดยสงครามที่ลุกลามเน้นย้ำความเสี่ยงในระบบการเงิน พร้อมกับธนาคารกลางทั่วโลกเร่งซื้อทองคำ
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคและข้อมูลในอดีต คาดว่าราคาทองคำจะยังคงอยู่ในตลาดขาขึ้นต่อไป โดยมีโอกาสพุ่งแตะระดับ 8,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลระบบการเงินโลก หรือ "รีเซ็ตพีระมิด" ท่ามกลางวงจรการลดหนี้ที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งถือเป็นกระบวนการตามธรรมชาติของระบบการเงิน
ทั้งนี้ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงระบบมาตรฐานทองคำในอดีต แต่สกุลเงินประจำชาติยังคงสามารถถูกลดค่าเทียบกับทองคำได้ และการละทิ้งการตรึงค่าเงินกับทองคำก็เป็นไปได้ ดังนั้นแบบจำลองการวิเคราะห์จึงสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องแยกช่วงเวลาที่มีหรือไม่มีมาตรฐานทองคำ
---
IMCT NEWS