Thailand
เปิดแผนรุกไต้หวัน จีนพร้อมท้าชน 'ทรัมป์'
22-1-2025
วิเคราะห์: สี จิ้นผิงจีนต้องตัดสินใจ รอสหรัฐอ่อนแอ หรือ รุกไต้หวันก่อนทรัมป์ฟื้นอเมริกา"
UnHerd นำเสนอบทวิเคราะห์ว่า จีนอาจตัดสินใจทำสงครามยึดไต้หวันในอนาคตอันใกล้ หากประเมินว่าสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งของประเทศได้สำเร็จ โดยเฉพาะในช่วงที่จีนยังคงมีความได้เปรียบทางการทหารเหนือสหรัฐฯ อย่างมีนัยสำคัญ
สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้ประกาศว่าการรวมไต้หวันเข้ากับจีนแผ่นดินใหญ่เป็น "แก่นแท้" ของวิสัยทัศน์การฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของจีน โดยกำหนดเส้นตายไว้ที่ปี 2049 แต่มีเป้าหมายเร่งด่วนในปี 2035 ขณะที่สั่งให้กองทัพเตรียมพร้อมสำหรับสงครามภายในปี 2027
ภาพจำลองสถานการณ์สงครามที่อาจเกิดขึ้น เริ่มต้นด้วยการโจมตีทางอากาศและขีปนาวุธจำนวนมากจากจีนในช่วงเช้าตรู่ ตามด้วยปฏิบัติการ "ตัดหัว" โจมตีที่พักและสำนักงานประธานาธิบดีไต้หวัน พร้อมส่งทหารพลร่มกว่า 5 หมื่นนายลงยึดพื้นที่สำคัญ ก่อนการยกพลขึ้นบกครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
สถานการณ์ดังกล่าวจะบีบให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต้องตัดสินใจอย่างเร่งด่วนว่าจะเข้าแทรกแซงทันทีหรือไม่ เพราะการลังเลจะทำให้ไต้หวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน แต่การตอบโต้ก็อาจนำไปสู่สงครามระหว่างสองชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก
ปัจจุบันจีนได้เปรียบสหรัฐฯ ในหลายด้าน ทั้งคลังขีปนาวุธต่อต้านเรือ กำลังการผลิตอาวุธและกระสุน รวมถึงขนาดของกองทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยเรือกว่า 370 ลำ เทียบกับสหรัฐฯ ที่มี 296 ลำ และมีกำลังต่อเรือมากกว่าสหรัฐฯ ถึง 232 เท่า
แม้ปักกิ่งจะเชื่อมาตลอดว่าสหรัฐฯ และตะวันตกกำลังเสื่อมถอย แต่หากประเมินว่ารัฐบาลทรัมป์จะประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูอเมริกา แรงจูงใจของจีนอาจพลิกกลับ เร่งโจมตีก่อนที่จะเสียความได้เปรียบ เช่นเดียวกับที่ญี่ปุ่นเคยคิดก่อนโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ว่า "ถ้าดวงอาทิตย์ไม่ขึ้น ก็แสดงว่ากำลังตก"
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังไม่สิ้นหวัง ผู้เชี่ยวชาญเสนอ "กลยุทธ์การปฏิเสธ" โดยมุ่งผลิตและติดตั้งอาวุธแบบอสมมาตร เช่น โดรน ขีปนาวุธ และทุ่นระเบิดใต้น้ำ เพื่อทำให้ต้นทุนการรุกรานสูงเกินกว่าที่จีนจะกล้าเสี่ยง
การปกป้องไต้หวันถือเป็นผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ เพราะหากปล่อยให้จีนยึดครองได้สำเร็จ จะทำลายความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ในฐานะผู้รักษาความมั่นคง นำไปสู่การล่มสลายของพันธมิตรทั่วโลก และวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศที่รุนแรงกว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
ดังนั้น รัฐบาลทรัมป์จำเป็นต้องพัฒนานโยบายต่างประเทศใหม่ที่ผสมผสานระหว่างความสมจริงและความมุ่งมั่น เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนจากยุคโลกาภิวัตน์และการผจญภัยทางทหารที่ไร้การคำนึง สู่ยุคแห่งความเป็นจริงใหม่ระหว่างประเทศที่ต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่รุนแรงในทศวรรษหน้า
---
IMCT NEWS
ที่มา https://unherd.com/2025/01/can-trump-make-taiwan-safe-again/?s=09
© Copyright 2020, All Rights Reserved