นโยบายตะวันออกกลาง 'ไบเดน' ก่อ "หายนะ" แก่สหรัฐฯ เอง

ขอบคุณภาพจาก Global Times

21-1-2025

     ปีเตอร์ ฟอร์ด อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำซีเรีย แสดงทรรศนะต่อนโยบายตะวันออกกลางของโจ ไบเดนที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าเป็น 'หายนะ' ที่บ่อนทำลายสถานะของสหรัฐฯ ในระดับโลก เนื่องจากสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่ลืมหูลืมตา และทำให้ศัตรูในภูมิภาคใกล้ชิดกันมากขึ้น

นักการทูตอังกฤษระบุว่า นโยบายตะวันออกกลางของไบเดนอาจถือว่าประสบความสำเร็จได้ หาก "มาตรฐานเดียวคือการส่งเสริมผลประโยชน์ของอิสราเอล" ซึ่งฟอร์ดตั้งข้อสังเกตว่า อิหร่าน เฮซบอลเลาะห์ และฮามาสได้ถ่อมตัวลง รวมถึงซีเรียก็ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง

"หากพิจารณาจากมาตรฐานการส่งเสริมผลประโยชน์ของอเมริกาแล้ว ไบเดนเป็นหายนะ สถานะของสหรัฐฯ ในสายตาของโลกไม่เคยต่ำลงเลย เนื่องจากสนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซาอย่างริบหรี่ และศัตรูของสหรัฐฯ ไม่เคยใกล้ชิดกันมากขึ้น โอกาสที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับอิหร่านโดยฟื้นข้อตกลงของโอบามาก็สูญเปล่าไป" ฟอร์ดกล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่านโยบาย "ที่สมเหตุสมผลอย่างหนึ่ง" ของไบเดน คือการถอนตัวออกจากอัฟกานิสถาน เป็นนโยบายที่เขาได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดจาก "กลุ่มที่ก่อสงครามในวอชิงตัน"

ส่วนการคาดการณ์ใดๆ เกี่ยวกับนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ "เป็นเพียงการคาดเดา"

การเลือกโพสต์เกี่ยวกับตะวันออกกลางของทรัมป์ บ่งชี้ว่าเขาอาจ "ตอกย้ำ" ต่อความผิดพลาดของไบเดน แต่ทรัมป์ยังคง "สร้างความประหลาดใจในด้านดี"

"ใครจะดีไปกว่าผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของอิสราเอลในการส่งข้อความที่ชัดเจน เราอาจเห็นผลแรกของเรื่องนี้เมื่อเนทันยาฮูตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาตอนนี้ แทนที่จะเสี่ยงให้ทรัมป์บีบแขนเขา" ฟอร์ดกล่าว

ด้านแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเมื่อวันพุธที่แล้ว (15 ม.ค.) ว่าการมีส่วนร่วมของทีมทรัมป์นั้น "มีความสำคัญอย่างยิ่ง" ในการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวตัวประกันระหว่างอิสราเอลและฮามาสในสัปดาห์สุดท้ายของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดน ขณะที่ทรัมป์เคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้ว่า “จะเกิดเรื่องเลวร้ายมากมายในตะวันออกกลาง” เว้นแต่ตัวประกันที่ถูกจับระหว่างการโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมจะได้รับการปล่อยตัวก่อนที่เขาจะเข้ารับตำแหน่ง

IMCT News

ที่มา https://sputnikglobe.com/20250120/bidens-mideast-policy-has-been-disaster-1121468676.html