ระบบป้องกันขีปนาวุธสหรัฐฯ ล้าหลัง หวั่นรับมือจีน-รัสเซีย-เกาหลีเหนือไม่ไหว
11-1-2025
ระบบป้องกันขีปนาวุธสหรัฐฯ อ่อนแอ หวั่นรับมือจีน-รัสเซีย-เกาหลีเหนือไม่ไหว กระตุ้นการแข่งขันอาวุธนิวเคลียร์รอบใหม่"
รายงานล่าสุดจากสภาแอตแลนติกเตือนว่าระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ไม่เพียงพอต่อการรับมือภัยคุกคามจากประเทศคู่แข่งที่มีอาวุธนิวเคลียร์ โดยเฉพาะจีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ ที่กำลังเร่งพัฒนาอาวุธล้ำสมัยเพื่อเอาชนะระบบป้องกันของสหรัฐฯ
แม้รัฐบาลไบเดนจะวางแผนเพิ่มจำนวนเครื่องสกัดกั้นภาคพื้นดิน (GBIs) ภายในปี 2028 แต่ยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศปี 2022 ที่มุ่งเน้นการยับยั้งเกาหลีเหนือและพึ่งพาการป้องปรามเชิงกลยุทธ์กับจีนและรัสเซีย ถูกมองว่าไม่เพียงพอต่อภัยคุกคามที่ซับซ้อนและรุนแรงขึ้น สภาแอตแลนติกจึงเรียกร้องให้สร้างระบบป้องกันหลายชั้น ผสานเทคโนโลยีขั้นสูงและมาตรการเชิงรุก พร้อมเพิ่มงบประมาณเป็น 1% ของงบกลาโหมประจำปี
รายงานจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จีนกำลังเร่งขยายคลังแสงนิวเคลียร์อย่างรวดเร็ว โดยมีหัวรบพร้อมใช้งานกว่า 600 หัวในปี 2024 และคาดว่าจะเกิน 1,000 หัวภายในปี 2030 พร้อมสร้างฐานยิงขีปนาวุธใต้ดินเชื้อเพลิงแข็ง 320 แห่ง และเพิ่มไซโลเชื้อเพลิงเหลว DF-5 เป็นสองเท่าเป็น 50 แห่ง นอกจากนี้ยังมีขีปนาวุธข้ามทวีป 400 ลูกที่สามารถบรรจุหัวรบหลายหัว และเรือดำน้ำชั้นจินอีก 6 ลำติดตั้งขีปนาวุธ JL-2 และ JL-3
ด้านรัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประจำการ 1,710 หัว ทั้งขีปนาวุธข้ามทวีป ขีปนาวุธจากเรือดำน้ำ และเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ พร้อมเร่งพัฒนาอาวุธล้ำสมัย อาทิ ICBM หนัก SS-X-29 Sarmat, SS-27 Mod 2 Yars และเรือดำน้ำชั้น Borei รวมถึงยานร่อนความเร็วเหนือเสียง ขีปนาวุธร่อนพลังงานนิวเคลียร์ และระบบใต้น้ำอัตโนมัติ เพื่อรักษาขีดความสามารถในการตอบโต้หลังถูกโจมตี
ส่วนเกาหลีเหนืออาจมีวัสดุแตกตัวเพียงพอสำหรับหัวรบนิวเคลียร์ถึง 90 หัว โดยประกอบแล้ว 50 หัว และกำลังพัฒนาขีปนาวุธหลากหลายรูปแบบ ทั้งขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์พิสัยไกลเชื้อเพลิงแข็ง ขีปนาวุธยุทธวิธีพิสัยสั้น และขีปนาวุธจากทะเล โดยในการสวนสนามทางทหารล่าสุดได้อวดโฉม ICBM 10-12 ลูก ที่สามารถติดตั้งหัวรบได้ลูกละ 4 หัว มากกว่าจำนวนเครื่องสกัดกั้น GBI 44 เครื่องที่สหรัฐฯ มีอยู่
นักวิเคราะห์ระบุว่าการเพิ่มจำนวนเครื่องสกัดกั้นมีต้นทุนสูงถึงเครื่องละ 90 ล้านดอลลาร์ ขณะที่โครงการเครื่องสกัดกั้นรุ่นใหม่ (NGI) ประสบปัญหาการออกแบบและผลิตที่ทับซ้อน ตารางเวลาที่เร่งรัด และต้นทุนที่พุ่งสูงจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินสหรัฐฯ (GAO) ยังเตือนว่าหน่วยงานป้องกันขีปนาวุธยังไม่ได้จัดการกับความเสี่ยงทางเทคนิคและปรับปรุงข้อกำหนดด้านภัยคุกคามอย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม ระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ก็ยังสร้างความกังวลให้ประเทศคู่แข่ง โดยจีนเกรงว่าจะถูกทำลายความสามารถในการตอบโต้หลังถูกโจมตีครั้งแรก ขณะที่รัสเซียกังวลว่าจะสูญเสียความสามารถในการยับยั้งเชิงกลยุทธ์ ส่งผลให้ทั้งสองประเทศเร่งพัฒนาอาวุธที่สามารถเอาชนะระบบป้องกัน กระตุ้นการแข่งขันอาวุธรอบใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงระดับโลก
---
IMCT NEWS : Photo: US Department of Defense ( US Ground-Based Interceptor missile. )
ที่มา https://asiatimes.com/2025/01/us-missile-shield-buckling-under-china-russia-and-north-korea/