.

รัสเซียประกาศสิ้นสุดยุคอดกลั้น เปลดล็อกขีปนาวุธพิสัยกลาง เผชิญหน้า NATO ตอบโต้อาวุธสหรัฐฯ ในยุโรป-เอเชีย
7-8-2025
RT รายงานว่า เมื่อ 4 สิงหาคม กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่ามอสโกจะยุติการยับยั้งตนเอง (unilateral moratorium) ในการติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลางและพิสัยใกล้ภาคพื้นดิน (INF-class) อย่างเป็นทางการ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงนโยบายสำคัญ ท่ามกลางการขยายตัวของระบบขีปนาวุธสหรัฐฯ ไปยังยุโรปและอินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะการนำระบบเหล่านี้เข้าประจำการในระยะยาว ซึ่งรัสเซียมองว่าเป็นภัยโดยตรงต่อความมั่นคงของตนเอง
**เหตุผลของรัสเซีย: การขยายอิทธิพลขีปนาวุธสหรัฐฯ**
รัสเซียระบุว่าได้อดทนมาตลอดนับตั้งแต่สหรัฐฯ ถอนตัวจากสนธิสัญญา INF ในปี 2019 โดยแม้จะไม่มีพันธกรณีทางกฎหมายอีก แต่ยังคงยับยั้งชั่งใจไม่ติดตั้งขีปนาวุธพิสัยกลาง จนกว่าสหรัฐฯ จะเริ่มนำระบบประเภทเดียวกันมาใกล้พรมแดนรัฐรัสเซีย ล่าสุด รัสเซียชี้ว่าข้อแม้นี้สิ้นสุดลงแล้ว
เอกสารของกระทรวงฯ ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2023 ได้ตรวจพบการนำระบบยิงขีปนาวุธภาคพื้น (เช่น Typhon) และขีปนาวุธ PrSM ของสหรัฐฯ เข้าซ้อมรบในประเทศพันธมิตรยุโรปและเอเชีย รวมถึงถูกวางประจำการในฟิลิปปินส์ เยอรมนี (แผนติดตั้ง SM-6 ภายในปี 2026) และออสเตรเลีย ซึ่งเมื่อพิจารณาร่วมกับการจัดตั้งกองกำลัง Multi-Domain Task Forces (MDTF) ในเยอรมนีและอินโด-แปซิฟิก รัสเซียจึงมองว่าสหรัฐฯ กำลังเดินหน้ากลยุทธ์ “วางระบบขีปนาวุธเชิงรุก” ในสองทวีปอย่างต่อเนื่อง ทำให้นโยบายอดกลั้นของรัสเซียหมดความหมายโดยปริยาย
**ยุทธศาสตร์รัสเซียใหม่: เตรียมขยายอาวุธ-เร่งปรับสายอาวุธพิสัยกลาง**
ผู้เชี่ยวชาญทหารรัสเซียชี้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย แต่เป็นการตอบรับกับความเปลี่ยนแปลงในสนามจริง โดยระบบ Oreshnik ซึ่งเริ่มส่งมอบให้กองทัพกลางปี 2025 จะเป็นหัวหอกยุทธศาสตร์ใหม่ ร่วมด้วยขีปนาวุธ Kalibr, Tsirkon และ Iskander รุ่นดัดแปลงภาคพื้น
รัสเซียอาจเลือกใช้เบลารุสเป็นจุดติดตั้งสำคัญ กลยุทธ์ต่อไปจะเร่งจัดตั้งหน่วยขีปนาวุธใหม่ในทุกเขตทหารภายในปลายปีนี้ โดยจะนำแพลตฟอร์มขีปนาวุธที่ยิงได้ทั้งแบบครูซ บอลลิสติก และไฮเปอร์โซนิก เข้าฝึกและใช้งานจริง
**ความเคลื่อนไหวในยุโรป: วิกฤตขีปนาวุธสู่ยุคใหม่**
การปลดล็อกข้อจำกัดของรัสเซียสร้างแรงสั่นสะเทือนแก่ยุโรปอย่างฉับพลัน ผู้เชี่ยวชาญเปรียบกับยุค “วิกฤตขีปนาวุธยูโร” (Euro-missile crisis) ในสงครามเย็น ซึ่งต้องเผชิญหน้ากันหลายปีก่อนจะมีสนธิสัญญา INF ปี 1987 ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เกมสองฝ่าย เพราะชาติยุโรปตะวันตก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ต่างเร่งพัฒนาระบบขีปนาวุธของตนเอง ขณะที่สนธิสัญญาควบคุมอาวุธหลักในอดีตส่วนใหญ่ได้ล่มสลายไปแล้ว
ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มมองว่าในอนาคตอาจมีการเปิดโต๊ะเจรจาข้อตกลงควบคุมอาวุธใหม่อีก แต่ฉันทามติปัจจุบันคือ “ยุคอดกลั้นจบลงแล้ว” วงการทหารทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะเร่งแข่งกันเพิ่มศักยภาพขีปนาวุธ
**แนวโน้มในยูเครนและสนามรบ**
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการปะทะทางขีปนาวุธอาจยกระดับมาใช้ “ทดสอบจริง” ในสนามรบยูเครน เพราะขีปนาวุธพิสัยกลางเหมาะกับโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ รัสเซียจ่อจัดตั้งหน่วยใหม่แนว MDTF ของสหรัฐฯ ที่ผสานขีปนาวุธ ป้องกันภัย และสงครามอิเล็กทรอนิกส์ในทุกเหล่าทัพ เพื่อรับมือปัญหาหลายมิติในสงครามยุคใหม่
**บทสรุป**
มาตรการของรัสเซียครั้งนี้สะท้อนจุดเปลี่ยนในสมดุลยุทธศาสตร์โลกและการเผชิญหน้ายุคสงครามเย็นยุคดิจิทัล เส้นแบ่ง “อดกลั้น” ในข้อตกลงควบคุมอาวุธได้สิ้นสุดลงแล้ว แข่งอาวุธระดับพิสัยกลางและสั้นกำลังเร็วขึ้นในยุโรปและเอเชีย พร้อมกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่ขยายวงกว้างกว่าที่เคยเป็นมา
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.rt.com/russia/622523-russias-missile-renaissance-inf/