ทรัมป์วิจารณ์ 'อีลอน มัสก์'ทำการเมืองสหรัฐฯวุ่นวาย

Thailand
ทรัมป์วิจารณ์แรง 'อีลอน มัสก์' ตั้งพรรคใหม่ ชี้ยิ่งทำการเมืองสหรัฐฯ วุ่นวาย
8-7-2025
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ออกมาตำหนิอีลอน มัสก์ อดีตพันธมิตรคนสำคัญ กรณีมหาเศรษฐีรายนี้ประกาศตั้งพรรคการเมืองใหม่เพื่อท้าทายระบบสองพรรคแบบดั้งเดิมของสหรัฐฯ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ผมคิดว่ามันไร้สาระที่จะตั้งพรรคที่สามขึ้นมา เรามีระบบสองพรรคมาตลอด และการตั้งพรรคที่สามขึ้นมานั้นมีแต่จะสร้างความสับสนเพิ่มเติม"
ก่อนหน้านี้ มัสก์ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า เขาได้จัดตั้ง "พรรคอเมริกา" (America Party) ขึ้นมาเพื่อแข่งกับ "พรรคเดียวกัน" (Uniparty) ซึ่งเขาอ้างถึงพรรครีพับลิกันและเดโมแครต โดยมัสก์เผยว่า แม้ในอนาคตพรรคใหม่นี้อาจจะส่งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่เป้าหมายหลักของพรรคในช่วง 12 เดือนข้างหน้าคือการชิงที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐฯ
ที่ผ่านมา ทรัมป์และมัสก์มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยมัสก์เคยเป็นหัวหน้าโครงการ "Doge" ซึ่งมีหน้าที่ช่วยรัฐบาลลดการใช้จ่ายของรัฐ อย่างไรก็ตาม มัสก์ได้วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลทรัมป์ที่ทำให้หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทรัมป์ยังแสดงความไม่พอใจผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social โดยกล่าวว่า เขารู้สึกเศร้าใจที่ได้เห็นมัสก์ "หลุดจากเส้นทางไปอย่างสิ้นเชิง" ในช่วงห้าสัปดาห์ที่ผ่านมา และวิจารณ์การผลักดันของมัสก์เรื่อง "ข้อบังคับรถยนต์ไฟฟ้า (EV Mandate)" ซึ่งทรัมป์มองว่าเป็นการบังคับให้ประชาชนต้องซื้อรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในระยะเวลาสั้นๆ
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมายใหม่ที่ยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และให้เสรีภาพแก่ประชาชนในการเลือกซื้อรถยนต์ทุกประเภท ทั้งรถใช้น้ำมัน ไฮบริด หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยไม่มีข้อบังคับเฉพาะ
ในขณะที่กฎหมายฉบับใหม่ของทรัมป์เน้นการเพิ่มงบประมาณในด้านความมั่นคงชายแดน กลาโหม และการผลิตพลังงาน แต่ก็มีการตัดลดงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสาธารณสุขและโครงการสนับสนุนอาหาร ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากฝ่ายตรงข้าม
ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างทรัมป์และมัสก์เริ่มเด่นชัดเมื่อมัสก์เริ่มวิจารณ์แผนการใช้จ่ายของรัฐบาลทรัมป์อย่างต่อเนื่อง และนำมาสู่การก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่นี้ในที่สุด
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bbc.com/news/articles/cy4n09lpz41o
© Copyright 2020, All Rights Reserved