.

สัญญาณเตือน 4 ประการที่อิหร่าน-อิสราเอลอาจกลับสู่สงครามอีกครั้ง
27-6-2025
Newsweek รายงานว่า การหยุดยิงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เป็นผู้ไกล่เกลี่ยในสัปดาห์นี้ ชะลอความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านไว้ได้ชั่วคราว แต่สัญญาณความเปราะบางของข้อตกลงหยุดยิงเริ่มปรากฏชัด
สองสัปดาห์ก่อนหน้านี้ อิสราเอลได้เปิดปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายนิวเคลียร์และฐานทัพทหารของอิหร่าน ทำให้มีผู้เสียชีวิตในหมู่นักวิทยาศาสตร์และนายทหารระดับสูง อิหร่านตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธระยะไกลโจมตีเมืองต่าง ๆ ในอิสราเอล ก่อนที่สหรัฐฯ จะโจมตีเป้าหมายนิวเคลียร์ของอิหร่านอีกครั้ง ก่อนจะมีการตกลงหยุดยิง
ทำไมเรื่องนี้จึงสำคัญ
ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดภูมิทัศน์ความมั่นคงในตะวันออกกลาง และมีโอกาสลุกลามเป็นสงครามภูมิภาคที่ใหญ่ขึ้น ดึงมหาอำนาจโลกเข้ามาเกี่ยวข้อง
สงครามใหม่นี้อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกพลังงานผ่านอ่าวเปอร์เซีย ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเลบานอนและซีเรียไม่มั่นคงมากขึ้น และทำให้สหรัฐฯ และพันธมิตรต้องมีบทบาททางทหารลึกซึ้งยิ่งขึ้น
1. โครงสร้างนิวเคลียร์ของอิหร่าน
การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลและการโจมตีเป้าหมายใต้ดินโดยกองทัพสหรัฐฯ มุ่งเป้าไปที่โรงงานแยกยูเรเนียมของอิหร่าน แม้จะสร้างความเสียหาย แต่รายงานของ Defense Intelligence Agency สหรัฐฯ ระบุว่าการโจมตีเหล่านี้ทำให้อิหร่านล่าช้าแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น ไม่ได้ทำลายโครงสร้างสำคัญใต้ดินที่ยังคงทำงานได้ ขณะที่ International Atomic Energy Agency (IAEA) รายงานว่าอิหร่านจำกัดการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่และเพิ่มปริมาณยูเรเนียมเกินข้อตกลง ทำให้เกิดความกังวลในระดับนานาชาติ สำหรับอิสราเอล ภัยคุกคามนิวเคลียร์ที่ยังคงอยู่และความร่วมมือที่ลดลงของอิหร่านกับ IAEA อาจทำให้ต้องมีการโจมตีเพิ่มเติม ซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ของสงครามรอบใหม่หากอิหร่านเร่งแยกยูเรเนียม
2. ความเปราะบางของข้อตกลงหยุดยิง
ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าอีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิง อิสราเอลตอบโต้ด้วยการโจมตีเป้าหมายขีปนาวุธของอิหร่าน ส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความไม่พอใจและเรียกร้องให้มีความอดทน ขณะที่อิหร่านยิงขีปนาวุธโจมตีอาคารอพาร์ตเมนต์ในเมือง Beersheba ซึ่งเกิดขึ้นใกล้ช่วงเวลาหยุดยิง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย อิหร่านระบุว่าขีปนาวุธถูกยิงก่อนข้อตกลงหยุดยิงจะเริ่ม นอกจากนี้ ยังพบโดรนหลายลำบินเข้ามาเหนือภาคเหนือของอิหร่านและถูกยิงตกโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ
3. การปฏิบัติการลับที่เพิ่มขึ้น
อิหร่านจับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 700 รายที่ถูกกล่าวหาว่าทำงานร่วมกับหน่วยข่าวกรองอิสราเอล (Mossad) โดยอ้างว่าเป็นเครือข่ายสายลับขนาดใหญ่ การจับกุมเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุโจมตีลับหลายครั้งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล เช่น การโจมตีด้วยโดรน ระเบิดรถยนต์ และการลอบสังหารเจ้าหน้าที่ทหารและนิวเคลียร์ของอิหร่าน อิหร่านได้ประหารชีวิตสายลับบางรายและประกาศจะตอบโต้ด้วยความรุนแรง การดำเนินการลับที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศสูงขึ้นอย่างมาก
4. ถ้อยแถลงที่แข็งกร้าว
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) ของอิสราเอล กล่าวชื่นชมปฏิบัติการทางทหารล่าสุดว่าเป็น “ชัยชนะประวัติศาสตร์” พร้อมเตือนว่า “หากใครในอิหร่านพยายามฟื้นฟูโครงการนิวเคลียร์ เราจะตอบโต้ด้วยความมุ่งมั่นและพลังเดียวกัน” ขณะที่ประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน (Masoud Pezeshkian) ของอิหร่านประกาศว่าเป็น “ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่” และยืนยันว่าอิหร่านจะ “ยืนหยัดต่อสู้กับการรุกรานของไซออนิสต์” ถ้อยแถลงที่แข็งกร้าวนี้จากทั้งสองฝ่ายทำให้โอกาสในการลดความตึงเครียดแทบไม่มี และเพิ่มความเสี่ยงของสงครามที่อาจเกิดขึ้นใหม่
อนาคตจะเป็นอย่างไร
ข้อตกลงหยุดยิงนี้อาจเป็นเพียงการพักรบชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากอิหร่านยืนยันว่าโครงการนิวเคลียร์ยังคงอยู่ ขณะที่อิสราเอลอาจยังคงดำเนินปฏิบัติการลับในอิหร่าน และผู้นำฝ่ายแข็งกร้าวทั้งสองฝ่ายยังคงมีบทบาทสูง ความเสี่ยงของสงครามใหม่ยังคงสูง หากสหรัฐฯ ไม่สามารถเจรจาข้อตกลงที่มีผลบังคับใช้และครอบคลุมประเด็นสำคัญได้
----
IMCT NEWS
ที่มา https://www.newsweek.com/iran-israel-return-war-ceasefire-conflict-nuclear-trump-2090422